วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก FED ลดดอกเบี้ย 0.25
วันพุธที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวผันผวน โดยนักลงทุนจับตาการประกาศผลการประชุมเฟดช่วงเช้ามืดวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีหน้า ขณะที่วานนี้ กนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ระดับ 2.25% ตามตลาดคาดการณ์
มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มธนาคาร โรงพยาบาล และแรงซื้อกลับเข้ามา ในหุ้นกลุ่ม CP ขณะที่มีแรงขายนำโดยหุ้น TRUE จากความกังวลข้อพิพาททีโอที ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,398.95 จุด +3.38 จุด +0.24% มูลค่าการซื้อขาย 47,817.65 ลบ. Program Trading +803.66 ลบ. ต่างชาติ -387.66 ลบ. TFEX +16,145 สัญญา ตราสารหนี้ -101.19 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ +0.71% ปิดที่ 70.58 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ราคาน้ำมันลดช่วงบวกหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
+ FED คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2567, 2568, 2569 และ 2570 ที่ระดับ 2.5%, 2.1%, 2.0% และ 1.9% ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนก.ย.ว่าจะขยายตัว 2.0% ทุกปี
+ รัฐสภารัสเซียผ่านกฎหมายระงับการแบนกลุ่มต่าง ๆ ที่รัสเซียเคยตีตราว่าเป็นองค์การก่อการร้าย ซึ่งเป็นการเปิดทางให้รัสเซียสามารถฟื้นสัมพันธ์กับกลุ่มตาลีบันในอัฟกานิสถาน รวมทั้งคณะผู้นำชุดใหม่ของซีเรีย
+ แกนนำสภาคองเกรสสหรัฐเปิดเผยร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเมื่อวานนี้เพื่อให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือ ชัตดาวน์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้
+ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือนพ.ย.67 เพิ่มขึ้นจากเดือนต.ค. โดยเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 8 เดือนจากการเร่งผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเพื่อจำหน่ายในปลายปี และก่อนวันหยุดต่อเนื่องในเดือนธ.ค.67 ประกอบกับภาค การส่งออกขยายตัวเร่งขึ้น 14.6% เนื่องจากอุปสงค์ในตลาดโลกเพิ่มขึ้น
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 1,123.03 จุด หรือ -2.58% หลังจาก FED มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ตามคาด แต่ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า โดยดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกัน 10 วัน ทำการ ซึ่งเป็นสถิติการปิดลบที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2517
- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของ FED มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด แต่ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่ FED ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2568 ลงเพียง 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% จากเดิมที่ส่งสัญญาณในเดือนก.ย. ว่าจะปรับลดดอกเบี้ย 4 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 1.00% ในปี 2568
- คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมสอบสวนการค้า เซมิคอนดักเตอร์ของจีนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งเป็นความพยายามลด การพึ่งพาเทคโนโลยีที่สหรัฐฯ เชื่อว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ
- สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 1.8% สู่ระดับ 1.28 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. และ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.35 ล้านยูนิต จากระดับ 1.31 ล้านยูนิตในเดือนต.ค.
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างปะเทศ โดยมีแรงกดดันจากการเจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 68 ลงเพียง 2 ครั้ง จากเดิมที่ส่งสัญญาณในเดือนก.ย.ว่าจะปรับลดดอกเบี้ย 4 ครั้ง ขณะ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติยังไหลออกต่อเนื่อง คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1390-1405 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• ปรับดัชนี FTSE SET Index Series มีผลวันที่ 23 ธ.ค. 67 : FTSE SET Large Cap เข้า MINT ออก EA FTSE SET Mid Cap เข้า CCET EA ออก BLAND BYD MINT ORI SPCG
• หุ้นที่ได้ประโยชน์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” : KBANK SCB BBL TTB
• หุ้น ESG ดีเยี่ยม : ADVANC GULF BBL BEM RATCH CPN
• หลักทรัพย์สำหรับคำนวณดัชนี SET50/SET100/SET ESG รอบ 1H68 : SET50 เข้า BANPU CCET COM7 SAWAD ออก BCP CENTEL EA TIDLOR SET100 เข้า CCET COCOCO JTS PR9 ออก MBK RBF TIPH TOA SET ESG เข้าASK BBGI BTG DELTA DITTO JMART JMT KCE KCG MBK MOSHI PSH SCCC SCGD SGC SMPC SNNP SSP TASCO TLI TU VIH ออก BAFS BRI ERW ETC GFPT IRPC KEX KSL M-CHAI NOBLE NRF NYT TOG
หุ้นรายงานพิเศษ
KTC "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 49 บาท)
"กำไรงวด 9M67 ทรงตัว YoY คาดแนวโน้มดีขึ้น YoY, QoQ ใน 4Q67"
•งวด 9M67 มีกำไรสุทธิ 5,549 ล้านบาท ทรงตัว yoy ตัวเลขเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมอยู่ในระดับดี อาทิ ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตร KTC ขยายตัว 10%YoY สูงกว่าอุตสาหกรรมที่ขยายตัว 2.6% สัดส่วนลูกหนี้บัตรเครดิตของ KTC เท่ากับ 15% เพิ่มขึ้นจาก 14.5% ในปี 66 ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 13% ปรับดีขึ้นจาก 12.2% ในปี 66
•คุณภาพของพอร์ตสินเชื่อรวมเท่ากับ 1.93% ยังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ระดับไม่เกิน 2% โดยมี NPL Coverage Ratio เท่ากับ 373% ซึ่งอยู่ในระดับสูงแม้ลดลงจาก 381.53% ใน 3Q66
•ความเห็น ฝ่ายวิจัยประเมินว่า KTC จะได้รับประโยชน์จากการเข้าสู่ช่วงไอซีซั่นปลายปีในเทศกาลปีใหม่ประกอบกับการจัดกิจกรรมการตลาดจะช่วยหนุนการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมากขึ้น และได้ประโยชน์จากมาตรการแก้หนี้รายย่อย Bloomberg Consensus คาดกำไร 4Q67 เฉลี่ย 2,011 ล้านบาท +14%YoY +5%QoQ คาดกำไรปี 67 เฉลี่ย 7,444 ล้านบาท +2%YoY ราคาหุ้นปรับขึ้น 11%YTD ทำให้มี upside เหลือไม่มากเพียง 1% จึงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”
หุ้นมีข่าว
(+) BGRIM (Bloomberg Consensus 29.00 บาท) เปิดแผนกลยุทธ์ปี 2568 สยายปีกสู่ธุรกิจพลังงานระดับโลก ผ่านการร่วมทุน-ซื้อกิจการ-จับมือพันธมิตรทางธุรกิจ ย้ำ IRR 10-15% พร้อมเปิดตัวธุรกิจใหม่ดาต้าเซ็นเตอร์ เผยอยู่ระหว่างเจรจาขายไฟ บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย 4-5 ราย รวมกว่า 300 เมกะวัตต์ ทุ่มงบลงทุนปี 2567-73 รวม 1.36 แสนล้านบาท ลุยพลังงานสีเขียว ตั้งเป้าเพิ่มกาลังผลิตแตะ 10 กิกะวัตต์ ภายในปี 2573 (ที่มา ทันหุ้น)
(+) MOSHI (Bloomberg Consensus 60.50 บาท) โกยยอดส่งท้ายปลายปีรับไฮซีซัน หนุนทั้งปี 2567 บรรลุเป้ารายได้โต 15-20% ปีหน้า คาดโตต่อ 20% พร้อมขยายสาขาเพิ่มอีก 40 แห่ง แย้มเตรียมทดลองผุด Stand Alone ขนาด 300 ตารางเมตร เพิ่มลูกค้า และศึกษาลุยตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) NER (Bloomberg Consensus 5.93 บาท) คงแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 5.15 แสนตัน ทั้งขยายโรงงาน รองรับความต้องการยางล้อรถโลก ตั้งเป้าปริมาณขายปีหน้าแตะ 5 แสนตัน เพิ่มขึ้นราว 10-15% มาร์จิ้นโตต่อเนื่อง ปลื้มรัฐมีมาตรการภาษีพื้นที่สีเขียวหนุนเกษตรกรสร้างรายได้ ล่าสุดขายออกหุ้นกู้ ดอกเบี้ย 3.41% (ที่มา ทันหุ้น)
(+) NEO (Bloomberg Consensus 51.50 บาท) รุกอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค โค้งสุดท้าย ชูการบริหารงานยืดหยุ่นรับสถานการณ์ทุกมิติที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เปิดตัวสินค้าใหม่ มุ่งบริหารจัดการต้นทุน ชูพอร์ตโฟลิโอ พรีเมียมแมส มุ่งสร้างอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น (ที่มา ทันหุ้น)