วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง Happy New Year 2025 (จับตารายงานภาคการผลิต US EU CN)

ส่วนแนวโน้มระยะสั้น มีสัญญาณชะลอตัวเป็นวันที่ 3 แม้ยังคงอยู่ในทิศทางรีบาวนด์ต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านเป้าหมายที่ 1,425 จุด สำหรับกลยุทธ์รายสัปดาห์ แนะนำ ซื้อ อิงอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดยังคงน่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารและกลุ่มประกัน

 

 

ประเด็น Event สำคัญวันนี้ 

-Thailand สถิติน่าสนใจสำหรับเดือน ม.ค. ย้อนหลัง 5 ปี (ปี 2020-24) พบว่า SET Index มีโอกาส 60% (ปิดบวก 2 ครั้ง และปิดลบ 3 ครั้ง) ที่ดัชนีฯ ปิดลบเฉลี่ย -1.39% (Max +1.22% ปี 2021 Min -4.16% ปี 2020) ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติ Fund Flows Statistic พบว่า สถิติย้อนหลัง 5 ปี (ปี 2020-24) มีโอกาส 60% (ซื้อ 2 ปี ขาย 3 ปี) เป็นผู้ขายสุทธิเฉลี่ย -5,275 ล้านบาท (Max +18,344 ล้านบาท ปี 2023 Min –30,874 ล้านบาท ปี 2024)

-Thailand แรงขายต้นปี 2025 จากกองทุนหุ้นระยะยาว LTF อิงสถิติย้อนหลัง 2 ปีที่ผ่านมา พบว่า เดือน ม.ค. 2023 มีแรงขายสุทธิ -9.93 พันล้านบาท และช่วงเดือน ม.ค. 2024 มีแรงขายสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น -1.65 หมื่นล้านบาท ส่วนยอดขายรายปี พบว่า ปี 2024 (เดือน ม.ค.-พ.ย.) มีการขายสะสม -3.51 หมื่นล้านบาท, ปี 2023 มีขายสุทธิรวม -6.69 หมื่นล้านบาท และปี 2022 มีขายสุทธิ 3.3 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ โดยหากมีการไถ่ถอนหน่วยลงทุน LTF จำนวนมากกว่าที่ประมาณการล่วงหน้าของผจก.กองทุน ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อแรงขายหลักทรัพย์ที่ถือครอง โดยหลักทรัพย์ที่กองทุน LTF ถือด้วยมูลค่าสูงสุด 6 อันดับแรก ได้แก่ CPALL GULF ADVANC AOT DELTA PTT

 

 

+US Santa Claus Rally หมายถึง 7 วันทำการสุดท้ายของปีและ 2 วันทำการแรกของปีถัดไป (ในปี 2024 จะเริ่มวันที่ 24 ธ.ค.) โดยหากอิงข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 1950-2023 พบว่ามีความเป็นไปได้สูง (78.4%) ที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้นในช่วงนี้ โดยเฉลี่ย S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.29% ในช่วงเวลาดังกล่าว และเมื่อเกิด Santa Claus Rally ผลตอบแทนเฉลี่ยของ S&P500 ในปีถัดไปต่อปีจะเพิ่มขึ้นเป็น +10.4% และความน่าจะเป็นที่ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้น คือ 72.9% ในทางตรงกันข้าม หากไม่เกิด Santa Claus Rally ผลตอบแทนเฉลี่ย S&P500 ในปีถัดไปลดลงเหลือ +5.0% และความน่าจะเป็นที่ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นลดลงเหลือ 66.7% ขณะที่ผลตอบแทนเฉลี่ยของ S&P Index ปรับขึ้น +9.3%ต่อปี ด้วยโอกาส 71.6%

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ 

CN EU US TH รายงานภาคการผลิตเดือน ธ.ค.: โดย Consensus คาดว่า CN (Caixin คาดอยู่ที่ 50 Vs 51.5 ในเดือน พ.ย.) EU (HBOC คาดอยู่ที่ 45.2 Vs 45.2 ในเดือน พ.ย.) TH (S&P Global คาดอยู่ที่ 51.3 Vs 50.2 ในเดือน พ.ย.) US (S&P Global คาดอยู่ที่ 48.3 Vs 49.7 ในเดือน พ.ย.) ทั้งนี้ แนวโน้มภาคการผลิตยังคงมีสัญญาณอ่อนแอ และเป็นปัจจัยถ่วงเศรษฐกิจโลกในปี 2024-25E

หุ้นที่มีโมเมนตัมบวก แนะนำ: KTB TISCO TCAP

Strategic daily picks

KTB   ปิด 21.00 บาท/แนวรับ 20.40 บาท แนวต้าน 21.50 บาท

ยุทธศาสตร์ของธนาคาร คือ การเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และนำเทคโนโลยีมาใช้ พร้อมกับการเติบโตในกลุ่มธุรกิจและกลุ่ม Underserve ที่มีความเสี่ยงสูง โดย Virtual Bank จะเป็นเครื่องยนต์ใหม่ที่จะสร้างการเติบโตในกลุ่มนี้ ซึ่งธนาคารเริ่มปล่อยสินเชื่อ Digital Lending ราว 2-3 ปี (ปี 2023=7 พันล้านบาท และคาดปี 2024=ราว 1.4 หมื่นล้านบาท) ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 23.59 บาท

 

TISCO     ปิด 98.50 บาท/แนวรับ 96.00 บาท แนวต้าน 102.00 บาท

กลุ่มทิสโก้ประกาศความร่วมมือกับ Google Cloud เพื่อส่งเสริมการใช้ AI ในการขับเคลื่อนประสิทธิภาพการทางานภายในองค์กร เพื่อเพิ่มศักยภาพรองรับนวัตกรรมใหม่ ๆ ในยุคดิจิทัลให้เกิดความยั่งยืน นอกจากนี้ KTX มีการปรับมูลค่าเหมาะสมของหุ้นกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นในอัตรา 2.-25% ด้วยอานิสงส์เชิงบวกจากการปรับลดสมมติฐานอัตราผลตอบแทนส่วนเพิ่ม เพื่อชดเชยความเสี่ยงการลงทุนในตลาดหุ้น (MRP) ลง 68bps โดย KTX ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 113.75 บาท

TCAP   ปิด 50.50 บาท/แนวรับ 48.00 บาท แนวต้าน 52.75 บาท

บริษัทยังคงดำเนินนโยบายธุรกิจแบบระมัดระวัง เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเปราะบาง อย่างไรก็ตาม ด้วยอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึงราว 6.7-7.5% ต่อปี ในช่วงปี 2024-26 และ valuation ยังไม่แพง จึงยังน่าสนใจ โดย Bloomberg Consensus ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 55.51 บาท