วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี CPAXT ความกดดันจากโครงการ Happitat
เราปรับลดอันดับ CPAXT เป็น "Reduce" (จากเป็นกลาง) โดยมีราคาเป้าหมาย 23.50 บาท หลังจากรวมสมมติฐานต่อไปนี้ สำหรับโครงการ Happitat (1) ดอกเบี้ยจ่าย 300 ล้านบาทในช่วง FY25F-26F
และ (2) ขาดทุน 500 ล้านบาทในปี FY26F ซึ่งเป็นปีแรกที่เปิดดำเนินการ ส่งผลให้กำไรลดลง 2-6% และเป้าหมาย 29% เป็น 23.50 บาท (จาก 33 บาท) การเติบโตของกำไรต่อหุ้นจะอยู่ในระดับปานกลางที่ 5-6% ในปี FY25F-FY26F เนื่องจากโครงการ Happitat ซึ่งอาจส่งผลให้การประเมินมูลค่าลดลงเหลือ 21.8 เท่า FY25F P/E
โครงการ Happitat ใช้เงินกู้สำหรับลงทุน
ในเดือนธันวาคม CPAXT ลงทุน 8 พันล้านบาท (สัดส่วนการถือหุ้น 95%) ในโครงการแฮปปิทัท ซึ่งน่าจะทำให้เกิดดอกเบี้ยจ่าย 300 ล้านบาทตั้งแต่ปี FY25F เป็นต้นไป โครงการนี้มีกาหนดแล้วเสร็จในช่วงต้นปีงบประมาณ 26F ดังนั้นเราจึงคาดว่าโครงการนี้จะคุ้มทุนที่ระดับ EBITDA ในปีนั้น เราประมาณการส่วนแบ่งขาดทุนจากโครงการดังกล่าวที่ 500 ล้านบาท เช่นเดียวกับค่าเสื่อมราคาที่ได้จากสินทรัพย์ถาวร 11,000 บาท (ยกเว้นที่ดิน) ซึ่งคิดค่าเสื่อมราคาตลอด 20 ปี สิ่งเหล่านี้ ทำให้เราลดกำไร FY25F ลง 2% เป็น 11.2 พันล้านบาท และกำไร FY26F ลง 6% เหลือ 11.9 พันล้านบาท โครงการน่าจะกลับมาทำกำไรได้ที่ระดับสุทธิในปี FY28F
CPAXT ผลการดำเนินงานยังดีอยู่
เราประเมิน SSSG (การเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิม) เฉลี่ย 2-3% ใน 4Q24 โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจอาหารสดในหน่วยค้าปลีกและค้าส่ง และ SSSG น่าจะยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีในปี FY25F โดยได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลเพิ่มเติม รวมถึงการฟื้นตัวของกิจกรรมการท่องเที่ยวซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า HORECA (โรงแรม ร้านอาหาร และการจัดเลี้ยง)
โครงการ Happitat จะกดดันกำไรไปอีกสองปี
เราตั้งเป้าหมายของราคาไว้ที่ 21.8 เท่า FY25F P/E ซึ่งสมเหตุสมผล เนื่องจากการเติบโตของ EPS จะอยู่ในระดับปานกลางที่ 5-6% ในปี FY25F-FY26F ปัจจุบันซื้อขายที่ 25.1x FY25F P/E ซึ่งเท่ากับ -1SD ของตัวคูณเฉลี่ยระยะยาว ความเสี่ยงที่สำคัญคือ การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์อาจกดดันการเติบโตของกำไรในระยะสั้น เนื่องจากอาจใช้เวลาสองสามปีในการทำกำไร