จับตา "บิตคอยน์" บน Web5.0 ปัง หรือ พัง ? 

จับตา "บิตคอยน์" บน Web5.0 ปัง หรือ พัง ? 

ตอนนี้หลายคนกำลังรอพัฒนาการของ “Web 5.0 บนเครือข่ายบิตคอยน์” หลังจาก “แจ็ค ดอว์ซี” อดีตซีอีโอทวิตเตอร์ และผู้ก่อตั้งบล็อกอิงค์ (Block, Inc.) เดิมชื่อ Square, Inc ได้นำเสนอแนวคิดในการสร้าง ‘Extra’ Decentralized “Web5.0”

“Web 5.0 บนเครือข่ายบิตคอยน์” ด้วยการสร้าง ‘Extra’ Decentralized “Web5.0”  คือ เว็บไซต์และแพลตฟอร์มกระจายอำนาจที่พิเศษ บนเครือข่ายบิตคอยน์  ซึ่งจะเป็นผลงานที่สำคัญที่สุดของเขาที่มีต่อวงการอินเทอร์เน็ต

ขณะที่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ต่างจับตามองว่า การออกมาทวิตครั้งนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของบิตคอนย์หรือไม่ แต่ดูเหมือนว่า คอนเซ็ปต์ดังกล่าว ยังต้องลุ้นกันต่อไปถ้าพัฒนาออกมาแล้ว จะ “ปัง” หรือ “พัง”

จับตา \"บิตคอยน์\" บน Web5.0 ปัง หรือ พัง ? 

หลังจาก  TBD  บริษัทลูกของบล็อกอิงค์ ถือเป็นแหล่งรวบรวมทีมนักพัฒนาเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันบนเครือข่ายบิตคอยน์ ได้เสนอแนวคิด Web5.0 ระบุว่า โมเดลของเว็บในปัจจุบัน ปัจเจกบุคคลที่เป็นผู้ใช้งานไม่ได้เป็นเจ้าของข้อมูลประจําตัวของตน และพวกเขาจะได้รับบัญชีจาก “บริษัท”

ข้อมูลของพวกเขากลายเป็นเชลยในแอปพลิเคชัน ของบริษัทนั้นๆ ซึ่ง TBD ต้องการสร้างแอปพลิเคชัน และโปรโตคอลแบบกระจายอำนาจระดับใหม่ที่ทำให้ปัจเจกบุคคลเป็นศูนย์กลาง โดยเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ใช้ ด้วยการให้ผู้เป็นเจ้าของข้อมูลได้กู้คืนการควบคุมข้อมูลของตน

ภายหลังจาก TBD โชว์แนวคิดดังกล่าว มีคำถามตามมามากมายว่าแนวคิดเรื่องข้อมูลผู้ใช้ Web3.0 กับ Web5.0 ก็ไม่ได้ต่างกัน และอะไรทำให้ Web 3.0 กระจายอำนาจในข้อมูลไม่ดีพอจนต้องทำ Web5.0

สอดคล้องกับ  "พีรพัฒน์ หาญคงแก้ว" ประธานเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ กล่าวในรายการ Merkle Insight : 20 ว่า สำหรับคอนเซ็ปต์ “Web 5.0 บนเครือข่ายบิตคอยน์” มองว่า ถ้าทำได้ก็ดี เป็นตัวเลือกอีกทางหนึ่งที่ดี แต่คอนเซ็ปต์ดังกล่าว ส่วนตัวมองว่า “ยังไม่ค่อยน่าสนใจ” 

ดังนั้น คงไม่หวือหวาเมื่อเทียบกับพัฒนาการของอีเธอเรียม Web.3  เพราะด้วยคอนเซ็ปต์ของ Web 5.0 ถูกสร้างบนเครือข่ายของบิตคอนย์ ชี้ว่า  Web3.0 ไม่กระจายอำนาจแท้จริง ข้อมูลผู้ใช้ และผลประโยชน์อยู่กับนักลงทุน และเจ้าของเครือข่าย ส่วนตัวมองว่า จุดนี้ไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะเหมือนเป็นการเอาเรเยอร์ บิตคอยน์ มาแข่งขันกับอีเธอเรียม

ในแง่ความเป็นจริง ของ เซอร์วิส บนโลกไม่ได้ “ดีเซ็นทัลไลซ์” และนักลงทุน ไม่ได้แคร์เรื่องดีเซ็นทัลไลซ์ มากขนาดนั้น แต่เซอร์วิสดังขึ้นมาได้ สิ่งที่ตอบโจทย์คือ เรื่อง “สภาพคล่องและผลตอบแทน” ให้กับนักลงทุนได้มากกว่า

ดังนั้น “บิตคอนย์” จึงไม่สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ Web 5.0 หากไม่ได้มีเซอร์วิสที่ “ล่อตาล่อใจ” ดึงคนเข้ามาใช้งาน เพราะ Web 5.0 ไม่ใช่แค่จะสร้างฟังก์ชันอะไรขึ้นมาเพื่อใช้เงินบนบิตคอยน์แล้วเท่านั้น แต่เรามองว่า “ประสิทธิภาพ” เป็นสิ่งสำคัญต่อการโปรโมต สร้างประสบการณ์ให้คนเข้ามาให้งานมากกว่า

บิตคอยน์ ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็น Web อะไรเลย 

 “พีรพัฒน์” กล่าวว่า เท่าที่เราศึกษาประวัติศาสตร์ของบิตคอนย์ นั้น “บิตคอยน์”  ก็ไม่ได้มีจุดกำเนิดขึ้นมาเพื่อเป็น Web3.0 หรือ Web อะไรเลย จุดหมายของบิตคอยน์ คือ การเป็น “Store of Value” มีคุณสมบัติที่สามารถ “เก็บความมั่นคง” และเป็นเงินดิจิทัลที่ไม่มีใครควบคุมได้ เป็นต้น

แต่ที่แน่ๆ “การมีอยู่ของ บิตคอยน์” เป็นความท้าทายที่ดี สำหรับ “เงิน” (Fiat Money) กับทอง (Gold) เพราะคงไม่ใช่เรื่องเกินจริงอีกต่อไป เมื่อ “บิตคอยน์” กลายเป็น “Store of Value” ใหม่ของโลกจริงไปแล้ว เมื่อ “บิตคอยน์” มีคุณสมบัติที่สามารถ “เก็บความมั่นคง” ได้ ทำให้ บิตคอยน์ เป็นทางเลือกของสินทรัพย์ที่ดีให้กับโลก

 ด้วยจุดเด่นของ “บิตคอยน์” ที่เปลี่ยนแปลงยาก ไม่ถูกชี้นำด้วยคนบางคน ไม่ซับซ้อน เป็นสิ่งที่หาได้ยากมากในโลกสินทรัพย์ที่มีอยู่ และที่สำคัญ “บิตคอยน์” เปรียบเสมือน “ทองคำดิจิทัล”

“บิตคอยน์ เป็นการลงทุน ที่เชื่อว่า การลงทุนครั้งนี้ คนจำนวนมากได้ประโยชน์มากกว่า ไม่ใช่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่ถือมาก่อนได้เปรียบ เพราะบิตคอยน์มีการกระจายตัวมาก และมีความปลอดภัยมากขึ้น”

ขณะที่ “แนวโน้มราคาบิตคอยน์” จะเป็นอย่างไรต่อนั้น “พีรพัฒน์” มองว่า ตอนนี้ “ยังอยู่ในช่วงตลาดพักฐาน” หลังจากเฟดประกาศ ใช้ยาแรงเร่งขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ มาวัดใจ ว่าเงินเฟ้อจะเป็นอย่างไร ทำให้เรายังต้องติดตามสถานการณ์ต่อ

ส่วนตัวมองว่า ถ้าสถานการณ์ “ไม่เลวร้าย” ราคาบิตคอยน์ น่าจะปรับตัวขึ้นเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง “20,000-25,000 ดอลลาร์ แต่หาก “เลวร้าย” ราคาบิตคอยน์น่าจะปรับลดลง แต่ไม่ต่ำไปกว่า ระดับต่ำสุดครั้งก่อนที่ 17,000 ดอลลาร์ มองว่า “ผ่านไปนานแล้ว” ตลาดไม่น่าจะมีแรงเทขายให้ตลาดเกิดแพนิกเท่ากับที่ผ่านมา แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ 

อย่างไรก็ดี “มูลค่า (value) ของ บิตคอยน์” หรือบิตคอยน์จะเป็นอะไร สุดท้ายจะเปลี่ยนไปตามบริบทของยุคสมัย เพราะมูลค่าจะถูกตีความไปตามคุณค่าที่นักลงทุนให้ด้วยเช่นกัน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์