‘Generative AI’ พลิกโฉมธุรกิจการเงินโลกอนาคต

‘Generative AI’  พลิกโฉมธุรกิจการเงินโลกอนาคต

ธนาคารและบริษัทฟินเทครายใหญ่หลายแห่ง กำลังนำ”ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์” หรือที่เรียกว่า “Generative AI” เข้ามาสู่การบริการทางการเงิน เนื่องจากกระแสความนิยมของเทคโนโลยีอันน่าทึ่งนี้ และถูกมองว่าเป็นเมกะเทรนด์ที่น่าจับตามองอย่างยิ่งในปีนี้

Key Point: 

  • Generative AI สู่ Financials AI การพลิกโฉมธุรกิจการเงินโลก 
  •  AI อาจทำเงิน 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ เข้าสู่เศรษฐกิจโลกทุกปี
  • “หุ้นเทค” หุ้นทางเลือกระยะยาวในยุคเทคโนโลยีเติบโต

ชลเดช เขมะรัตนา นายกสมาคมฟินเทคประเทศไทย มองว่าภาคการเงินในต่างประเทศ มีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในระยะหนึ่งแล้ว โดยใช้ในการอ่านข้อความและตรวจสอบการทำธุรกรรมในบางขั้นตอน ในขั้นตอนที่ต้องทำซ้ำๆ หรือการเอา AI มาช่วยตรวจสอบระบบ การชำระเงินและบัตรเครดิต ซึ่งหากเกิดการโจรกรรมทางไซเบอร์ AI สามารถใช้บิ๊กเดต้าทั้งหมดมาวิเคราะห์ตรวจสอบว่า มีความผิดปกติ และสามารถป้องกันสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ 

รวมทั้งช่วยตัดสินใจการลงทุน ยกตัวอย่างเช่น ROBO ADVISOR คือ บริการสร้างและบริหารพอร์ตกองทุนรวมอัตโนมัติ ที่จะเข้ามาช่วยออกแบบสัดส่วนการลงทุนตามเป้าหมาย ความเสี่ยง และความต้องการลงทุน ถูกใช้เมื่อไม่นานมานี้ในประเทศไทยมาราวๆ 5-6 ปี เหล่านี้ คือตระกูล "AI ดั้งเดิม"

ล่าสุดเทคโนโลยีมีการพัฒนาสู่ “Genarative AI” คือเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาให้ฉลาดขึ้น ยกตัวอย่างที่เราเห็นภาพชัดที่สุดคือ “ChatGPT” เทคโนโลยีในการคุยโต้ตอบเสหมือนบุคคลจริง จึงสามารถให้คำแนะนำได้และเข้าถึงคนในวงกว้างหลายล้านคนทั่วโลกในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการสร้างภาพวาด สร้างงานศิลปะ แต่งเพลง เขียนบทความ เขียนจดหมาย รวมถึงตลาด“การเงิน”ด้วยเช่นกัน

ในอนาคตโลกอาจมี Genarative AI ที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับผู้บริโภคในตลาดการเงิน เพื่อแนะนำบริการทางการเงินโดยตรง ทั้งในเรื่องของการคำนวน เครดิตสกอริ่งในการกู้ยืม ควรมีดอกเบี้ยเท่าไหร่ หรือใช้เทรดดิ้งโมเดลอย่างไร รวมถึง“คัสตอมเมอร์เซอร์วิส” (Customer Service) ในประเทศไทย มีบางธนาคารและบางบริษัท ใช้ AI ในการโต้ตอบกับลูกค้า เพื่อสร้าง”Customer Engagement”

ทั้งนี้ในยุคเริ่มต้น AI ต้องการการฝึกฝน โดยการฝึกฝน ChatGPT ในเวอร์ชั่นแรกๆจึงอาจไม่ได้ฉลาดมาก แต่ในเวอร์ชัน 3.5-4 จะเริ่มฉลาดมากขึ้น ทำให้สถาบันการเงินที่นำ AI มาใช้บริการลูกค้าในช่วงแรกๆ จะสามารถตอบได้แค่คำถามพื้นฐานที่มาจากข้อมูลจริง ในทำนองที่ว่า วันนี้หุ้นขึ้นเพราะอะไร หุ้นลงเพราะอะไร เพราะมีข้อมูลอยู่แล้วว่าหุ้นตัวไหนพุ่งแรงหรือดิ่งหนัก ขึ้นกี่จุดและลงกี่จุด และเชื่อว่าในช่วงต้นยังจะต้องใช้“คน”คอยให้ข้อมูล หรือบอกบทอยู่เบื้องหลัง รวมทั้งใช้ AI โต้ตอบกับลูกค้าจำนวนมหาศาลได้ในอนาคต

ปีนี้หลายแบงก์ในไทยลงมาเล่นในกระแส AI มากขึ้น เนื่องจากสามารถแก้ปัญหาได้หลายจุด ทั้งการบริการลูกค้าอย่างทั่วถึงและเพิ่มคุณภาพการบริการ เช่น แก้ไขปัญหา Datacall ปัญหาการบริการคอลเซ็นเตอร์ที่ไม่สามารถรองรับลูกค้าได้

เงิน 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ ไหลเข้าเศรษฐกิจโลก

โดยรายงานของบริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการระดับโลก McKinsey เผยรายงานว่า Generative AI อาจทำเงิน 4.4 ล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่เศรษฐกิจโลกทุกปี จากการศึกษากรณีการใช้งาน 63 กรณีที่ McKinsey วิเคราะห์จากศักยภาพทางเศรษฐกิจของเทคโนโลยีดังกล่าว ที่ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากกรณีการใช้งานที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ทางการแพทย์ที่ซับซ้อน การวินิจฉัยไปสู่การสร้างสรรค์ทางศิลปะ และการวิเคราะห์ข้อมูลในโลกการเงิน

เรียกได้ว่า Generative AI เป็นเทคโนโลยีหลักในอุตสาหกรรม AI ซึ่งอาจมีมูลค่า 15.7 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 และการเติบโตของแอปพลิเคชั่น AI เช่น ChatGPT และ Stable Diffusion ได้ก่อให้เกิดการปฏิวัติทางเศรษฐกิจ

รายงานของ McKinsey เน้นย้ำถึงศักยภาพของ AI ที่จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเฉพาะ โดยระบุว่า “การธนาคาร เทคโนโลยีขั้นสูง และวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต" เป็น 3 อุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จาก AI มากที่สุด

ในแง่ของอุตสาหกรรม การธนาคาร เทคโนโลยีนี้จะสามารถสร้างมูลค่ามากขึ้น 2 แสนล้านดอลลาร์ถึง 3.4 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี หากนำไปใช้อย่างเต็มที่

“หุ้นเทค” หุ้นทางเลือก

หุ้นหมวด”อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ” นับว่าเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตของกำไรในระดับสูง หุ้นกลุ่มนี้มีกำไรต่อหุ้น (EPS) เติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 22% ต่อปี และมีรายได้เติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 8% ต่อปีเหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว เพราะเป็นหนึ่งในกลุ่มเมกะเทรนด์ของโลก รายได้เติบโตได้ดีในทุกสภาวะเศรษฐกิจ 

อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องที่เป็นปัจจัยลบว่าจะกระทบต่อหุ้นกลุ่มนี้มากน้อยเพียงใด เช่นอัตราเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เคยกดดันราคาหุ้นเทคโนโลยีจนราคาปรับลงแรงที่สุดในรอบ 15 ปี และความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย 

นายกสมาคมฟินเทคแห่งประเทศไทยมองว่า Nvidia คือ หุ้นที่น่าสนใจอีกหนึ่งตัว แม้จะเป็นหุ้นเทคโนโลยีที่เติบโตขึ้นใหม่  แต่ได้กระแส 2 ต่อ มาตั้งแต่คริปโทไมนิ่ง" ในการเป็นผู้นำการผลิตซอร์ฟแวร์ Data center หรือ “ธุรกิจชิป” ที่เราคุ้นหูกัน และตลาดมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น พร้อมเทรนด์การใช้ AI จึงเป็นจุดดึงดูดนักลงทุนจนมีมูลค่าหุ้นเติบโตขึ้น

รวมทั้งเทรนด์ AI อาจเป็นเทคโนโลยีที่เติบโตในระยะยาวอย่างแท้จริง ไม่เหมือนตลาดคริปโทที่มีความผันผวนสูงและมีความเสี่ยง จากหลายบริษัทยักษ์ใหญ่เข้ามาลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ OpenAI และChatGPT เช่นไมโครซอฟท์ เพื่อที่จะนำเอาศักยภาพของเทคโนโลยีมารวมเข้ากับเครื่องมือต่างๆของบริษัท 

ในท้ายที่สุด สิ่งที่จะเกิดความชัดเจนยิ่งขึ้นในตลาดการเงิน คือการนำเอาเทคโนโลยีต่างๆสร้างสรรค์ออกมาแก่ลูกค้า อาจเป็น financials AI การให้คำปรึกษาทางการเงินด้วยปัญญาประดิษฐ์ ที่แต่เดิมถูกใช้ในระบบหลังบ้าน ซึ่งผู้บริโภคไม่สามารถจับต้องได้