จีนแบนคริปโทแล้วไง นลท.มุด VPN นัดซื้อขาย แอบเปิดเหมืองขุด วอลุ่มเทรดสะพัด
จีนแบนคริปโทแล้วไง แต่ช่องโหว่ทางเทคโนโลยี ทำให้นักลงทุนจีนมุด VPN เพื่อซื้อขายคริปโทผ่านบัญชีต่างประเทศ และนัดซื้อขายคริปโทในร้านกาแฟด้วยการแลกที่อยู่กระเป๋าเงินคริปโท รวมทั้งการแอบเปิดเหมืองขุดคริปโท และปีที่ผ่านมาจีนมียอดธุรกรรมกว่า 8.6 หมื่นล้านดอลลาร์
จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่เข้มงวดสกุลเงินดิจิทัลที่สุดในโลก โดยปักกิ่งสั่งห้ามการซื้อขาย คริปโท ในปี 2564 และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เจ้าหน้าที่ก็ได้ควบคุมตัว ปรับ และจำคุกคนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมคริปโท แต่การซื้อขายคริปโทยังคงแพร่หลายในจีน แม้ว่ายังต้องรักษากฎระเบียบ
สำนักข่าวเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่านักลงทุนหลีกเลี่ยงกฎระเบียบที่เข้มงวดของประเทศจีนผ่านเครือข่าย VPN หรือเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (Virtual Private Network) สร้างการเชื่อมต่อเครือข่ายส่วนตัวระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นช่องว่างทางเทคโนโลยีที่ทำให้นักลงทุนในประเทศสามารถปิดบังตำแหน่งได้ และมีการนัดพบอย่างลับๆในร้านกาแฟและสถานที่สาธารณะอื่น ๆ
วอลุ่มเทรดคริปโทจีนสะพัด
ตามข้อมูลของ Chainalysis บริษัทวิเคราะห์บล็อคเชนเผยว่านักลงทุนชาวจีนมีเงินไหลเข้าถึง 8.6 หมื่นล้านดอลลาร์ จากการทำธุรกรรมผ่านสกุลเงินดิจิทัลระหว่างเดือนก.ค.- มิ.ย. 2566 ซึ่งเป็นยอดธุรกรรมเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น และมียอดการทำธุรกรรมกว่า 9 หมื่นล้านดอลลาร์ ผ่านแพลตฟอร์มของไบแนนซ์ (Binance)
นอกจากนี้ ในการสัมภาษณ์พิเศษ เบน แกกนอน (Ben Gagnon) หัวหน้าเจ้าหน้าที่การขุดของ Bitfarms เหมือนขุดคริปโทยักษ์ใหญ่ ระบุถึงการกลับมาอย่างเงียบๆ ของการขุดคริปโทในภูมิภาคจีน ผ่านเทคโนโลยีการดักจับพลังงานในที่อยู่อาศัย ( energy capture technology)
นัดซื้อขายคริปโทในร้านกาแฟ
นักลงทุนชาวจีนจำนวนมากมีบัญชีคริปโทต่างประเทศ โดยอ้างว่า การเข้าถึงบัญชีคริปโทต่างประเทศที่ได้ถูกเปิดก่อนการโดนแบน โดยใช้เครือข่าย VPN เพื่อปกปิดตำแหน่ง และข้ามข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ ซึ่งแพลตฟอร์มคริปโทบางแห่งอย่าง Bybit, KuCoin และ Gate.io ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ในจีนเปิดบัญชีได้
นอกจากนี้ จีนยังใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเช่น WeChat และ Telegram เพื่อใช้ในการซื้อขายคริปโทซื้อบิตคอยน์(bitcoin), สเตเบิลคอยน์ (tether) หรือคริปโทอื่น ๆ โดยตรงแบบ peer-to-peer ในการค้นหาผู้ซื้อและผู้ขายผ่านกลุ่มเฉพาะบนแพลตฟอร์มเหล่านี้
รวมทั้งมีรายงานว่า การค้าขายคริปโทแบบนัดพบเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองเฉิงตูและยูนนาน ที่การบังคับใช้มีความหละหลวม ทำให้ส่วนใหญ่นักลงทุนมักจะนัดพบกันในพื้นที่สาธารณะ เช่น ร้านกาแฟหรือร้านซักรีด เพื่อแลกเปลี่ยนที่อยู่กระเป๋าเงินคริปโทหรือทำธุรกรรมผ่านเงินสดหรือการโอนเงินผ่านธนาคารของจีนแทน
"คุณสามารถไปที่ร้านกาแฟแล้วส่งธัมบ์ไดรฟ์หรือแลกเปลี่ยนรายละเอียดกระเป๋าเงินให้พวกเขาได้"
ธุรกรรมคริปโทเพิ่ม หลังจีนบังคับใช้เงินหยวน
รวมทั้งการที่รัฐบาลจีนกำหนดให้มีการควบคุมเงินทุนอย่างเข้มงวดสำหรับพลเมือง โดยประชาชนจีนสามารถแปลงสกุลเงินหยวนเป็นสกุลเงินต่างประเทศได้ไม่เกิน 50,000 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งการการควบคุมนี้ได้เพิ่มความต้องการของการทำธุรกรรมผ่านคริปโทที่รัฐบาลจีนได้กีดกัน
แม้จะเคยเป็นอดีตศูนย์กลางคริปโทที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่จุดยืนของจีนต่อคริปโทยังคงเข้มงวด ขณะเดียวกันประเทศได้สนับสนุนการใช้บล็อกเชนสำหรับแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น ข้อมูลประจำตัวดิจิทัล การติดตามปศุสัตว์ และการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ฟุ่มเฟือย ซึ่งประเทศจีนเลือกใช้บล็อกเชนส่วนตัว
จีนยังคงพยายามที่จะจำกัดการใช้คริปโทต่อไป แม้จะมีการห้ามแต่การซื้อขายคริปโทยังคงมีให้เห็นอยู่ในประเทศจีน ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ของธรรมชาติของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการกระจายอำนาจและเป็นสากล และเห็นมุมมองความท้าทายของรัฐบาลในการควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใช้บล็อคเชนนั้นมีความยากแค่ไหน
อ้างอิง wsj.com