เปิดทริคลงทุน ‘บิล เกตส์‘ ถ้ามีเงินน้อยกว่า 'อีลอน มัสก์' ควรระวังบิตคอยน์!
เมื่อราคาบิตคอยน์และคริปโท ผันผวนจาก “อีลอน มัสก์” ทำให้ "บิล เกตส์" ซีอีโอ ไมโครซอฟท์ ออกโรงเตือนถึงความเสี่ยงของ"บิตคอยน์"ที่มีความเสี่ยงและผันผวนสูง “ถ้าคุณมีเงินน้อยกว่า อีลอน มัสก์คุณควรระวัง” พร้อมเปิดกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นกระจายความเสี่ยงและนวัตกรรมใหม่ๆ
บิล เกตส์ (Bill Gates) ผู้ร่วมก่อตั้ง ไมโครซอฟท์ คอร์ป แบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับ "บิตคอยน์" (Bitcoin: BTC) โดยแยกตัวเองออกจากเทคโนโลยีและคนดังคนอื่น ๆ ที่ยอมรับสกุลเงินดิจิทัล
โดย บิล เกตส์ แสดงความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนที่เกิดขึ้นกับบิตคอยน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่ามูลค่าของบิตคอยน์จะได้รับอิทธิพลอย่างมีนัยสําคัญจากกิจกรรมโซเชียลมีเดีย เน้นยำไปถึงการกล่าวถึง สกุลเงินดิจิทัลของ อีลอน มัสก์(Elon Musk) มหาเศรษฐีผู้เป็น ซีอีโอของเทสลา(Tesla Inc.) เกี่ยวกับ X เป็นตัวอย่างของปัจจัยที่สามารถทำให้ราคาสกุลเงินดิจิทัลแกว่งตัวได้
ย้อนไปในปี 2564 เทสลาลงทุน 1.5 พันล้านดอลลาร์ในบิตคอยน์ ทําให้ราคา“สูงขึ้น“ หลังจากนั้นเทสลาขาย 10% ของการถือครองในเดือนมี.ค. เป็นมูลค่ากว่า 250 ล้านดอลลาร์ เมื่อบิตคอยน์มีราคาเกิน 60,000 ดอลลาร์
แม้ว่าหุ้นของเทสลาจะลดลง 20% แต่บริษัทยังคงรักษาพอร์ตบิตคอยน์ที่สำคัญไว้ ต่อมาในเดือนมิถุนายน 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดตกต่ำ ทำให้เทสลาขายบิตคอยน์ประมาณ 75% ของการถือครองเพื่อเพิ่มเงินสดสํารองตอนที่ บิตคอยน์ดิ่งลงต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์
มูลค่าของบิตคอยน์เพิ่มขึ้นเกือบ 150% ในปี 2566 นําไปสู่การเก็งกําไรเกี่ยวกับผลกําไรที่เทสลาพลาดไปกว่า 500 ล้านดอลลาร์ โดย Coindesk รายงานว่าในปี 2567 ปัจจุบัน เทสลาถือบิตคอยน์มูลค่ากว่า 387 ล้านดอลลาร์
เกตส์ เน้นย้ำถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของ Bitcoin โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับผู้ที่ไม่มีหลักทรัพย์จํานวนมาก
“อีลอน มัสก์ มีเงินมากมาย และยังมีความซับซ้อนสูง ดังนั้น ผมไม่กังวลว่า บิตคอยน์ของเขาจะขึ้นหรือลง แต่ถ้าคุณมีเงินน้อยกว่าอีลอน คุณควรระวัง”
สะท้อนว่า บิล เกตส์ เห็นถึงความสำคัญในหมู่นักลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ที่ไม่สามารถขาดทุนหรือยอมรับความเสี่ยงเมื่อสูญเสียมูลค่ามหาศาลได้
คริปโท ประโยชน์ หรือ โทษ กันแน่?
รวมทั้งความท้าทายของสกุลเงินดิจิทัล รวมถึงข้อกังวลที่เกี่ยวข้องกับการขาดกฎระเบียบและศักยภาพในการนําไปใช้ในทางที่ผิด โดยเน้นย้ําถึงลักษณะการกระจายอํานาจของคริปโท อย่าง Bitcoin และศักยภาพในการอํานวยความสะดวกในการทําธุรกรรมที่ไม่ระบุชื่อและไม่สามารถย้อนได้ ซึ่งลักษณะเหล่านี้ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อ“ความมั่นคงทางการเงิน”เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิ่งที่”ผิดกฎหมาย“ด้วย
อย่างไรก็ตาม บิล เกตส์ เล็งเห็นถึงประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับความโปร่งใสและกฎระเบียบ
โดยในงานของมูลนิธิ Bill & Melinda Gates ในการส่งเสริมความคิดริเริ่มด้านสกุลเงินดิจิทัลที่เปิดใช้งานธุรกรรมที่โปร่งใส ได้พิสูจน์แล้วว่ามีความสําคัญในการเบิกจ่ายเงินทุนให้กับผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ยากจนกว่า ในช่วงการเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่
เปิดกลยุทธ์ลงทุนฉบับ 'บิล เกตส์'
บิล เกตส์ เป็นนักลงทุนในการลงทุนหลายรูปแบบรวมอยู่ในพอร์ต แต่กลยุทธ์การลงทุนส่วนใหญ่เน้นย้ําถึงบริษัทที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและศักยภาพในการเติบโต ซึ่งตอนนี้เขาถือหุ้นสําคัญในด้านเทคโนโลยี การเงิน และสินค้าอุปโภคบริโภค
ผลงานของเขาในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 แสดงให้เห็นถึงการลงทุนที่หลากหลาย ทั้งในยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี เช่น Nvidia Corp. ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการปฏิวัติปัญญาประดิษฐ์ (AI) เนื่องจากหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง แสดงให้เห็นถึงความสนใจของ Gates ในเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและอุตสาหกรรมพื้นฐาน
กลยุทธ์การลงทุนในพอร์ตสะท้อนถึงแนวทางการลงทุนที่ "สมดุล" โดยผสมผสานสิ่งที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เช่น AI เข้ากับ ภาคการบริการที่จําเป็นและมั่นคง สะท้อนให้เห็นถึง“ปรัชญาการลงทุน”ที่กว้างขึ้น
กลยุทธ์การลงทุนของบิลเกตส์ เป็นบทเรียนที่มีค่าสําหรับนักลงทุนรายย่อย คือ “การกระจายความเสี่ยง” เป็นกุญแจสําคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสตาร์ทอัพและบริษัทที่อยู่ในระดับแนวหน้าของเทคโนโลยีและความยั่งยืน
ประโยชน์การลงทุนสูงสุดไม่เพียงแต่รับประกันผลตอบแทนทางการเงินเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความก้าวหน้าด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
อ้างอิง finance.yahoo