จากเอ็กซ์เชนจ์คริปโท อินโด ถึง ไทย ขึ้นเบอร์ 1 ได้ยังไงหลัง ไบแนนซ์เทคโอเวอร์

หลังจากที่ "ไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ ไบแนนซ์" (Binance TH by Gulf Binance) เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อต้นปี 2567 ซึ่งเป็นบริษัมร่วมทุนระหว่างบริษัท "ใหญ่ชนใหญ่" นั่นคือ  บริษัท ไบแนนซ์ แคปปิตอล แมเนจเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทภายในเครือของ"ไบแนนซ์" กระดานเทรดคริปโทที่เรียกได้ว่าอันดับ 1 ของโลก จากไซส์ผู้ใช้งานมากกว่า 90 ล้านรายทั่วโลก ปริมาณการเทรดอยู่ที่ราวๆ 1.2 หมื่นดอลลาร์ต่อวัน และคู่เหรียญที่เปิดให้เทรดมากกว่า 350 เหรียญในกระดาน

ร่วมกับ บริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เจ้าของอาณาจักรโรงไฟฟ้ามูลค่าแสนล้านบาท เข้าถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 โดยมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ในปี 2564 เพื่อต้องการขยายธุรกิจและเสริมสร้างความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมดิจิทัล รองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของความต้องการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในประเทศไทย

เมื่อเจ้าตลาดในอุตสาหกรรมทั้ง 2 ก้าวเข้ามาสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยแล้ว จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เพราะหัวเรือใหญ่ของ Binance TH by Gulf Binance  อย่าง "นิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด ประกาศก่อนเริ่มลงสนามอย่างจริงจังว่า "ตั้งเป้าที่จะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในทุกด้าน ภายใน 1-2 ปี และภายในปีแรกคาดหวังว่าจะมีผู้ใช้งานแตะ 9 แสนราย"

นั่นหมายความว่า Binance TH by Gulf Binance พร้อม "โค่น" เจ้าตลาด อย่าง Bitkub บิทคับ ผู้ที่ครองมาร์เก็ทแชร์อันดับ 1 ในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทยอยู่ตอนนี้ มากกว่า 90% ของทั้งตลาดในแง่ของผู้ใช้ และวอลลุ่ม รวมไปถึงอีโคซิสเต็มที่สมบูรณ์ด้วยการสร้าง 7 บริษัทลูกและบริษัทร่วมทันอีก 2 แห่ง ตั้งแต่บล็อกเชน การศึกษา เกม ไปจนถึงปัญญาประดิษฐ์ AI ที่เรียกได้ว่า "หาทางหนีทีไล่" สำหรับรับมือกับการแข่งขันในตลาดนี้ ที่จะดุเดือดขึ้นเรื่อยๆเพราะหลายคนมองว่าเป็นอนาคตของ "เศรษฐกิจดิจิทัล"

แล้ว  Binance TH by Gulf Binance จะใช้กลยุทธ์อะไรที่จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ได้ภายใน เวลา 1-2 ปี นี้

แต่รู้มั้ยว่า Binance เคยโค่นเจ้าตลาดจนขึ้นเบอร์ 1 มาแล้ว ในประเทศอินโดนีเซีย

ย้อนไปในปี 2563 จางเผิง จ้าว (Changpeng Zhao) หรือ ซีซี่ ซีอีโอบริษัทไบแนนซ์ได้เข้าซื้อหุ้น 60% ในเอ็กซ์เชนของอินโดนีเซียที่ชื่อว่า Tokocrypto และอีก 2 ปีต่อมา ในช่วง "ขาลง" ตลาดคริปโท Tokocrypto เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่เกือบจะไป "ไม่รอด" แต่ Binance คว้าโอกาสนั้นเอาไว้โดยการซื้อหุ้นเพิ่มอีก  40% ที่เหลือ จนครบ 100% อย่างสมบูรณ์

ตามมาด้วยการแต่งตั้ง ซีอีโอคนใหม่ของ Tokocrypto พร้อมประกาศว่า"จะทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กรเพื่อปรับรูปแบบธุรกิจให้ดีขึ้น” โดยใช้ประสบการณ์ของ Binance เพื่อพัฒนา Tokocrypto  พร้อมกับเลิกจ้างพนักงาน  45 คนหรือประมาณ 20%

 Binance กำลังใช้ประโยชน์จาก Tokocrypto ที่มีใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจในอินโดนีเซียภายใต้การดูแลของสำนักงานกำกับดูแลการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า (Bappebti) สังกัดกระทรวงการค้าของอินโดนีเซีย อย่างถูกกฎหมายในประเทศ เพื่อขยายสู่ตลาดเอเชีย 

1 ปี หลังจากที่ ไบแนนซ์ได้เข้าซื้อหุ้น 60%  ตามรายงานจาก Bappebti เผยว่า Tokocrypto มีจำนวนผู้ใช้ถึง 2 ล้านคนภายในสิ้นปี 2564 หรือเพิ่มขึ้นแปดเท่าเมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศที่ภายในปีนั้นยอดธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลรวมทั้งประเทศมากถึง 4.1 พันล้านดอลลาร์ 

ในปี 2566 ปริมาณการซื้อขายทั้งหมดของ อินโดนีเซียอยู่ที่ 3.61 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงถึง 76.6% ในปี 2565 ซึ่ง Tokocrypto เป็นแพลตฟอร์มคริปโทที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในอยู่ที่  43.0% ตามด้วย Indodax  42.0% 

จุดแข็ง Gulf Binance

สำหรับ Binance TH by Gulf Binance  เผย"จุดแข็ง"ของแพลตฟอร์ม คือ การทำอะไรที่เขาไม่มี และทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกค้าเปิดใจมาลอง แม้จะเป็นความท้าทายที่ต้องใช้ทั้ง "เวลา" และ "กำลัง" แต่ถ้าหากลูกค้าลองแล้วติดใจใช้ต่อ ก็เป็นผลดี

นิรันดร์ เปรียบอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลไทยเป็นเหมือนธุรกิจกาแฟ "เดิมทีร้านสตาร์บัคส์เปิดขายมานานมาก วันนึ่งมีกาแฟร้านใหม่มาเปิดที่อาจจะราคาถูกกว่า ถ้าลูกค้าลองมาชิมแล้วติดใจ อาจจะเข้า 2 ร้านสลับกัน หรือเปลี่ยนมาเข้าร้านที่เพิ่งมาเปิดใหม่ก็ได้"

Binance TH by Gulf Binance ย้ำถึงการเป็นกระดานเทรดเพื่อ "คนไทย" ซึ่งตอนนี้มีเพียงคนไทยเท่านั้นที่จะสามารถสมัครและลงทะเบียนได้ โดยได้รับใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลรวมทั้งหมด 4 ใบ จากกระทรวงการคลัง ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

โดย มี 5 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

1.การพัฒนาประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง

2.การสร้างชุมชนผู้ใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลที่เข้มแข็ง

3.การเพิ่มการยอมรับในสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านการเรียนรู้

4.การดำเนินงานที่มีแนวทางมุ่งเน้นไปยังผู้ใช้เป็นสำคัญ

5.การปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับอย่างเคร่งครัด

อะไรๆที่ที่อื่นไม่มี ของ Gulf Binance ของออกมาในหน้าตาของ "ฟีเจอร์หลักและเทคโนโลยีสุดล้ำ"

• มีสินทรัพย์ดิจิทัลที่หลากหลายให้เลือกมากกว่า 115 คู่เหรียญ ซึ่งถือเป็นจํานวน การให้บริการคู่เหรียญที่มากที่สุดในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย 
• โครงสร้างค่าธรรมเนียมเพียง 0.1% สำหรับการซื้อขายระหว่างคู่ USDT และ 0.25% สำหรับการซื้อขายระหว่างคู่เงินบาท (THB) กับสินทรัพย์ดิจิทัล

ออกแคมเปญเจาะกลุ่มลูกค้าในช่วงแรก

• แคมเปญอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษ 0% สำหรับคู่เทรดเงินบาทในช่วงเปิดตัว เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ ดิจิทัลได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม – 15 มีนาคม 2567 ร
• แคมเปญพิเศษเนื่องในเทศกาลวาเลนไทน์ กับการมอบเหรียญ BNB มูลค่าสูงสุด 300 บาทฟรี เมื่อสมัครบัญชี Binance TH ยืนยันตัวตนสำเร็จ และซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยแคมเปญดังกล่าว จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ – 14 มีนาคม 2567

สร้างฟีเจอร์ล้ำสมัยมาให้บริการ 

• การแจ้งเตือนราคา (Price Alert)
• การแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวสินทรัพย์ในพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio Tracking) 
• มาตรการป้องกันที่จำกัดการถอนสินทรัพย์ (Whitelist Function) ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในทรัพย์สินให้แก่ผู้ใช้งานชาวไทย 
• แพลตฟอร์มศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเพียงรายเดียวในประเทศไทยที่รองรับการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัลทั้งจาก NDID และแอปพลิเคชัน ThaiD 
• แพลตฟอร์มได้ติดตั้งบอท AI เพื่อบริการลูกค้าแบบครอบคลุมทุกวันทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์

ต้องมารอดูกันต่อไปว่า อุตสาหกรรมคริปโทในประเทศไทยต่อจากนี้ จะดุเดือดแค่ไหน แล้วเจ้าตลาดอย่างบิทคับ จะป้องกันอันดับของตัวเองไม่ให้ตกชั้นได้รึป่าว และ "ขาขึ้น" Bull Run ที่ใกล้จะถึงนี้ คงเป็น "รอบตัดเชือก" ระหว่างทีมแชมป์อย่าง BitKub และ Gulf Binance  ทีมน้องใหม่

อ้างอิง binance bappebti coingecko coindesk