ลงทุนสินทรัพย์ Value Investing ดีกว่า บิตคอยน์

ลงทุนสินทรัพย์ Value Investing ดีกว่า บิตคอยน์

การเล่นบิตคอยน์เสี่ยงหนัก แม้แต่ ก.ล.ต.สหรัฐยังไม่เห็นด้วย เราพึงลงทุนแบบ Value Investing ที่เน้นศึกษาถึงมูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สินที่เราจะลงทุนจะดีกว่า

ในวันที่ 10 มกราคม 2567 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (ก.ล.ต.สหรัฐ) ได้ประกาศอนุมัติการซื้อขายกองทุน ETF ที่อ้างอิงกับราคาบิตคอยน์โดยตรง (Spot Bitcoin ETF) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

เหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของบิตคอยน์ แต่เบื้องหลังการอนุมัติครั้งนี้กลับเต็มไปด้วยความขัดแย้ง และความไม่เต็มใจ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงมุมมองของหน่วยงานกำกับดูแลอย่างแท้จริง

นับแต่ปี 2556 เมื่อ Cameron และ Tyler Winklevoss ยื่นคำขอครั้งแรกเพื่อเปิดตัว Winklevoss Bitcoin Trust ก.ล.ต.สหรัฐ ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการต่อต้านการอนุมัติ ETF บิตคอยน์มาโดยตลอด ระหว่างปี 2561 ถึง 2566 ก.ล.ต.สหรัฐ ได้ปฏิเสธคำขออนุมัติ ETF บิตคอยน์มากกว่า 20 ครั้ง

โดยให้เหตุผลหลักเกี่ยวกับความกังวลด้านการป้องกันการฉ้อโกง การบิดเบือนราคาในตลาดบิตคอยน์ และความเสี่ยงต่อนักลงทุนรายย่อยที่ ก.ล.ต.สหรัฐพึงให้ความสำคัญ

การนี้แสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่แข็งกร้าวของ ก.ล.ต.สหรัฐ ต่อบิตคอยน์ โดย ก.ล.ต.สหรัฐ มองว่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลยังขาดการกำกับดูแลที่เพียงพอ มีความเสี่ยงสูง และอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำผิดกฎหมายได้ง่าย

แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อบริษัท Grayscale Investments ชนะคดีฟ้องร้อง ก.ล.ต.สหรัฐ ในศาลอุทธรณ์สหรัฐ เขตโคลัมเบียในเดือนสิงหาคม 2566 โดยศาลสั่งให้ ก.ล.ต.สหรัฐ พิจารณาคำขอของ Grayscale ใหม่ คำตัดสินของศาลนี้เป็นการบังคับให้ ก.ล.ต.สหรัฐ ต้องอนุมัติ ETF บิตคอยน์ในที่สุด

แต่ความไม่สบายใจของ ก.ล.ต.สหรัฐ ยังคงปรากฏชัดเจนในแถลงการณ์การอนุมัติที่ออกมา โดยประธาน ก.ล.ต.สหรัฐ Gary Gensler ได้เน้นย้ำว่า “เราไม่ได้อนุมัติหรือสนับสนุนบิตคอยน์” และ “นักลงทุนควรระมัดระวังอย่างยิ่งเกี่ยวกับความเสี่ยงมากมาย ที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์และผลิตภัณฑ์ที่มูลค่าผูกกับสินทรัพย์ดิจิทัล

ดังนั้น ก.ล.ต.สหรัฐ จึงได้ได้อ้างอิงถึงรายงานและการศึกษาจากหน่วยงานต่างๆ ในแถลงการณ์การอนุมัติ ซึ่งล้วนแต่ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงและอันตรายที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัล ดังนี้

1. การใช้ในการก่อการร้าย: ก.ล.ต.สหรัฐ อ้างถึงรายงานจาก Congressional Research Service เรื่อง “Terrorist Financing: Hamas and Cryptocurrency Fundraising” ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566

รายงานนี้เปิดเผยว่ากลุ่มก่อการร้ายอย่างฮามาสได้ใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในการระดมทุน โดยตั้งแต่ปี 2562 ฮามาสได้เริ่มรณรงค์รับบริจาคผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งนำไปสู่การยึดเว็บไซต์และบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลที่เกี่ยวข้องโดยทางการสหรัฐ ในปี 2563

2. การเรียกค่าไถ่ทางไซเบอร์ (Ransomware): ก.ล.ต.สหรัฐ อ้างอิงรายงานของคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งมาตุภูมิและกิจการรัฐบาลของวุฒิสภาสหรัฐ เรื่อง “Use of Cryptocurrency in Ransomware Attacks, Available Data, and National Security Concerns” ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2565

รายงานนี้เปิดเผยว่าการโจมตีด้วย ransomware ที่ใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

 

3. การฟอกเงิน: ก.ล.ต.สหรัฐ อ้างถึงรายงานจาก Basel Institute on Governance เรื่อง “Quick Guide 1: Cryptocurrencies and Money Laundering Investigations” ฉบับเดือนสิงหาคม 2566

รายงานนี้ชี้ให้เห็นว่าสินทรัพย์ดิจิทัลกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการฟอกเงิน โดยความไม่เปิดเผยตัวตนและความยากในการติดตามธุรกรรมทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นช่องทางที่น่าดึงดูดสำหรับอาชญากรในการฟอกเงินที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย

ลงทุนสินทรัพย์ Value Investing ดีกว่า บิตคอยน์

4. การหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร: ก.ล.ต.สหรัฐ อ้างอิงรายงานจาก Center for Strategic & International Studies (CSIS) เรื่อง “Cryptocurrencies and U.S. Sanctions Evasion: Implications for Russia” ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2566

รายงานนี้ชี้ให้เห็นว่า สินทรัพย์ดิจิทัลถูกใช้เป็นช่องทางในการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกรณีของรัสเซียที่เผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรจากนานาชาติ

การที่ ก.ล.ต.สหรัฐ ยกอ้างอิงเหล่านี้ในแถลงการณ์การอนุมัติ ETF บิตคอยน์ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความกังวลอย่างมากที่มีต่อบิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลโดยทั่วไป แม้จะอนุมัติให้มีการซื้อขาย ETF บิตคอยน์ได้ แต่ ก.ล.ต.สหรัฐ ก็พยายามส่งสัญญาณเตือนอย่างชัดเจนถึงความเสี่ยงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

นอกจากนี้ ก.ล.ต.สหรัฐ ยังเน้นย้ำถึงความแตกต่างระหว่าง ETF บิตคอยน์กับ ETP โลหะมีค่าที่เคยอนุมัติมาก่อนหน้านี้ โดยระบุว่าโลหะมีค่ามีการใช้งานในอุตสาหกรรมและการบริโภคจริง

ในขณะที่บิตคอยน์เป็น “สินทรัพย์ที่มีความผันผวนและใช้เพื่อการเก็งกำไรเป็นหลัก” คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองในแง่ลบของ ก.ล.ต.สหรัฐ ต่อบิตคอยน์ และความพยายามในการแยกแยะระหว่างสินทรัพย์ดั้งเดิมกับสินทรัพย์ดิจิทัล

การอนุมัติ ETF บิตคอยน์ครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางเหตุการณ์ ที่สะท้อนถึงความเปราะบางของตลาดบิตคอยน์ เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 บัญชี Twitter อย่างเป็นทางการของ ก.ล.ต.สหรัฐ ตกเป็นเป้าหมายของการแฮ็ก ส่งผลให้มีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการอนุมัติ ETF บิตคอยน์ แม้ ก.ล.ต.สหรัฐ จะออกมาแก้ไขข้อมูลอย่างรวดเร็ว แต่เหตุการณ์นี้ก็ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อราคาบิตคอยน์ในตลาด

ลงทุนสินทรัพย์ Value Investing ดีกว่า บิตคอยน์

เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนไหวอย่างยิ่งของตลาดบิตคอยน์ต่อข้อมูลข่าวสารทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ข่าวจริง ข่าวลวง หรือแม้แต่ความคิดเห็นส่วนตัวของบุคคลที่มีอิทธิพล

ราคาบิตคอยน์สามารถผันผวนอย่างรุนแรง เพียงเพราะการแสดงความเห็นในเชิงบวกหรือลบของนักลงทุนรายใหญ่ ผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ หรือแม้แต่บุคคลที่มีชื่อเสียงในสื่อสังคมออนไลน์

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การที่ Elon Musk เพียงแค่ทวีตเกี่ยวกับบิตคอยน์ ก็สามารถทำให้ราคาพุ่งขึ้นหรือดิ่งลงได้อย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่การประกาศนโยบายดอกเบี้ย หรือการแถลงการณ์หรือแม้แต่การแสดงความเห็นของประธาน Fed เกี่ยวกับนโยบายการเงินหรือมุมมองต่อเศรษฐกิจ ก็สามารถสร้างความผันผวนให้กับราคาบิตคอยน์ได้อย่างรวดเร็วมากกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ

ความเปราะบางนี้แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงสูงในการลงทุนในบิตคอยน์ เนื่องจากราคาของมันสามารถถูกกำหนดหรือได้รับอิทธิพลอย่างมากจากการกระทำหรือคำพูดของบุคคลที่มีอิทธิพล ไม่ว่าจะเป็น นักลงทุนรายใหญ่ ผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยี นักการเมือง หรือแม้แต่ผู้มีชื่อเสียงในโลกโซเชียลมีเดีย 

ลงทุนสินทรัพย์ Value Investing ดีกว่า บิตคอยน์

บุคคลเหล่านี้สามารถสร้างความผันผวนให้กับราคาบิตคอยน์ได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ด้วยการแสดงความคิดเห็นหรือทวีตข้อความสั้นๆ

ความเสี่ยงนี้ทำให้การลงทุนในบิตคอยน์มีลักษณะคล้ายกับการเก็งกำไร มากกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ ที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ เพราะราคาอาจไม่ได้สะท้อนถึงมูลค่าที่แท้จริงหรือการใช้งานจริง แต่ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นและอารมณ์ของตลาดที่ถูกชี้นำโดยผู้มีอิทธิพลเหล่านี้

แม้ว่า ก.ล.ต.สหรัฐ จะอนุมัติ ETF บิตคอยน์ แต่ความกังวลและความระมัดระวังของหน่วยงานกำกับดูแลยังคงมีอยู่อย่างชัดเจน การอ้างอิงถึงรายงานและการศึกษาที่ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงและอันตรายของสินทรัพย์ดิจิทัล 

ในแถลงการณ์การอนุมัติ แสดงให้เห็นว่า ก.ล.ต.สหรัฐ ยังคงมองว่าบิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางการเงินและความปลอดภัยของนักลงทุน

อย่างไรก็ตาม การที่ ก.ล.ต.สหรัฐ แสดงความกังวลอย่างชัดเจนในการอนุมัติ ETF บิตคอยน์ครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนให้หน่วยงานกำกับดูแลในประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทย ควรระมัดระวังอย่างมากต่อการอนุมัติ Bitcoin Spot ETF ของ ก.ล.ต.สหรัฐ ในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นการอนุมัติที่ไม่ใช่จากการเปลี่ยนแปลงมุมมองของ ก.ล.ต.สหรัฐ ต่อบิตคอยน์แต่อย่างใด

ลงทุนสินทรัพย์ Value Investing ดีกว่า บิตคอยน์

ก.ล.ต.สหรัฐ ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าบิตคอยน์นั้น เป็นเครื่องมือที่อาจถูกใช้ในการก่อการร้าย การฟอกเงิน และกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ

ผู้เขียนย้ำว่าทางเลือกในการลงทุนอื่นมีมากมายที่เป็น Value Investing ไม่ว่าจะเป็น ทรัพย์สินที่จับต้องได้ อย่างสังหาริมทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์ หุ้น หรือทรัพย์สินที่ไม่มีตัวตน เช่น แบรนด์ ฯลฯ ก็ยังสามารถลงทุนได้อีกมากมายโดยทางราชการควบคุมและที่สำคัญ

ในกรณีหุ้นและทรัพย์สินอื่นเรายังสามารถดูปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ได้ แต่ไม่ใช่ในกรณีของบิตคอยน์

คอลัมน์ อสังหาริมทรัพย์ต่างแดน
ดร.โสภณ พรโชคชัย 
ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย 
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส 
www.area.co.th