‘ตราสารหนี้โลก’ กลับมาคึก หลังผ่านจุดต่ำสุด -ยิลด์พุ่งนิวไฮ13ปี
ในจังหวะทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น และยังไม่รู้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะไปทางไหน ทำให้ “การลงทุนตราสารหนี้ทั่วโลก” กลับมามีความน่าสนใจ หลังจากผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว
จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกให้ผลตอบแทนดีขึ้น สะท้อนจากขณะนี้ ดัชนีตราสารหนี้โลก อย่าง Bloomberg Global-Aggregate Total Return Index มียิลด์ขยับขึ้นมาถึง 3.3% สูงที่สุดรอบ 13 ปี นับตั้งแต่ปี 2552 และเทียบกับช่วงต้นปีที่ระดับผลตอบแทนเพียงราว 0.8%
ดังนั้น ผู้จัดการกองทุน มองว่า ตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก ผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว แนะกลยุทธ์ หลังจากที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยเกินระดับ 3% ไปแล้ว และการลงทุนในไตรมาส 4 ปีนี้ แม้ดอกเบี้ยยังเป็นขาขึ้น เป็นจังหวะเริ่มกลับมาสะสมสินทรัพย์ความผันผวนปานกลาง (5-10%) อย่างตราสารหนี้ทั่วโลกได้มากขึ้น
สำหรับคำแนะนำในการจัดพอร์ตลงทุนโยกเงินฝาก สัดส่วน 30% มาลงทุนในตราสารหนี้แทนได้ทั้งหมด ที่เหลือสัดส่วน 50% เป็นหุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก สัดส่วน 20%
สำหรับ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล อินคัม สตราทีจิค บอนด์ ฟันด์ (UGIS-N) ลงทุนในกองทุนหลักคือ PIMCO GIS Income Fund (Class I) เน้นจัดสรรสินทรัพย์ และเลือกลงทุนตราสารหนี้ที่หลากหลายทั่วโลก แม้ที่ผ่านมาอาจทำผลตอบแทนได้ไม่ดีนัก เพราะเป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ในปัจจุบันเป็นช่วงหลังจากที่สินทรัพย์รายได้ปรับฐานไปแล้ว ยีลด์กลับมาอยู่ในระดับน่าสนใจมาก
ทั้งนี้ ผลตอบแทนใน UGIS-N ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (13 ก.ย.256) ติดลบ8,87% แต่ปรับลงน้อยกว่าตลาดที่ติดลบ16.90% ทั้งนี้นักลงทุนสามารถลงทุนใน UGISRMF หรือ UGIS-SSF เพื่อผลประโยชน์ด้านภาษีได้เช่นกัน
เจษฏา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลน.ฟินโนมีนา กล่าวว่า Jeffrey Gundlach นักลงทุนมหาเศรษฐี ฉายา ราชาพันธบัตร เเนะว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ควรรีบขึ้นดอกเบี้ยเร็วเกินไป ควรประเมินสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อน
ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นเช่นนี้ แนะนักลงทุนให้ลงทุนตราสารหนี้ทั่วโลก เพราะการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะยาว จะส่งผลให้ผลตอบแทนตราสารหนี้ปรับสูงขึ้นตามไปด้วย สอดคล้องกับมุมมองของเราที่มองว่า ปัจจุบันกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก กลับมามีความสนใจมากขึ้น
ในช่วงนี้แม้ผลตอบแทนของพันธบัตรทั่วโลก ยังมีโอกาสปรับฐานลงมาอีก ซึ่งหลังจากนี้น่าจะเริ่มเห็น ผู้จัดการกองทุน ปรับพอร์ตการลงทุน เริ่มมีเม็ดเงินลงทุนเข้าลงทุนตราสารหนี้ทั่วโลก โดยเฉพาะ “หุ้นกู้เอกชน” ในบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือสูง เครดิตเรตติ้งตั้งแต่ A-AA ขึ้นไป และถือจนครบกำหนด ซึ่งตอนนี้ ผลตอบแทนจะอยู่ที่ระดับ 4-5% ถือว่าดีกว่าช่วง 1-2 ปีก่อนหน้านี้ ที่มีผลตอบแทนเพียง 1-2% เท่านั้น
ดังนั้น หากเป็นนักลงทุนที่ไม่แน่ใจกับ ภาวะเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้านักลงทุนมีการจัดพอร์ตลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์อยู่แล้ว ก็ต้องกลับมาพิจารณาการลงทุน โดยเน้นการคัดเลือก “กองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก” ที่ไม่ได้รับผลจากการขึ้นดอกเบี้ยและสามารถสร้างผลตอบแทนอยู่ในระดับที่น่าลงทุน แต่ยังต้องหลีกเลี่ยงการลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐ ในกลุ่มประเทศที่ยังต้องขึ้นดอกเบี้ย
"ก่อนหน้านี้เราเคยคิดว่า เงินลงทุนจำเป็นที่จะต้องทุนในหุ้น เพราะภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยต่ำ แต่ตอนนี้ภาพการลงทุนในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า จะไม่เหมือนเดิมแล้ว หุ้นจะไม่ได้วิ่งแรงเหมือนอย่างตอนที่มีทำQE ตลาดบอนด์ที่เคยเป็นตลาดหมีมายาวนาน หลังจากนี้จะเริ่มมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามามากขึ้น"