ถอดสูตร ‘โรบินฮู้ด’ ก้าวสู่ ‘ซูเปอร์แอป’ รายแรกของไทย

        รายการ SUITS ถอดสูตรความสำเร็จฉบับซีอีโอ ของ “กรุงเทพธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “สีหนาท ล่ำซำ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ผู้พัฒนาและให้บริการ “โรบินฮู้ด”

       แพลตฟอร์มฟู้ดดิลิเวอรีสัญชาติไทยรายแรก ที่ต้องการคืนกำไรสู่สังคม โดยไม่คิดค่าธรรมเนียม ไม่มีค่าสมัคร ไม่มีการเก็บค่า GP (Gross Profit) ทั้งร้านค้า ไรเดอร์ และลูกค้าที่สั่งอาหาร]

 

      "เมื่อไหร่ก็ตามที่มองกำไรเป็นตัวไดร์ฟ (drive) จะไม่จีรังในมุมของการช่วยเหลือเขาทุกคน" นี่คือคำพูดของ “สีหนาท ล่ำซำ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ผู้พัฒนาและให้บริการ “โรบินฮู้ด” แพลตฟอร์มฟู้ดดิลิเวอรี ซึ่งคำพูดนี้เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิด “โรบินฮู้ด” แพลตฟอร์มฟู้ดดิลิเวอรีสัญชาติไทยเจ้าแรกของไทย

       ที่ต้องการช่วยเหลือสังคม ต้องการ “คืนกำไรสู่สังคม” โดยไม่คิดค่าธรรมเนียม ไม่มีค่าสมัคร ไม่มีการเก็บค่า GP (Gross Profit) ทำให้ทั้งร้านค้า ไรเดอร์ หรือ ลูกค้าที่สั่งอาหารได้ทั้งกำไร และคุณภาพการให้บริการแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย

+++180,000 ออเดอร์ต่อวัน 

     มาถึงวันนี้ “โรบินฮู้ด” เดินทางมากกว่า 1 ปีกับอีก 7 เดือน มาพร้อมกับฐานลูกค้าจำนวนมาก เฉลี่ยวันละ 180,000 ออเดอร์ต่อวัน ถือว่าเติบโตก้าวกระโดด

      สีหนาท เล่าให้ฟังว่า จุดแตกต่างของโรบินฮู้ดกับฟู้ดดิลิเวอรีรายอื่นๆ คือ ลูกค้าค่อนข้างใหม่ และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มี “กำลังซื้อสูง” มีทิกเก็ตไซส์ในการสั่งอาหารสูง เฉลี่ยกว่า 200 บาทต่อครั้ง หากเทียบกับเจ้าอื่นๆ ที่อยู่ระดับ 100 บาทต่อครั้ง 

      และจากข้อมูลดาต้าของ “โรบินฮู้ด” พบว่ากลุ่มลูกค้าของเราเป็นกลุ่มที่มี “กำลังซื้อสูง” ในกลุ่ม Upper mass ที่เป็นกลุ่ม High value มีรายได้ขั้นต่ำ 30,000 บาทขึ้นไป เป็นกลุ่มที่มีบัญชีเงินเดือน มีเครดิตการ์ด เราจึงนิยามกลุ่มนี้ว่าเป็นกลุ่ม “สตาร์บัคส์” หรือเรียกง่ายๆ ว่า กลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงนั่นเอง 

      “วันนี้เราได้กลุ่มลูกค้าระดับกลาง และระดับบน แต่เรายังมีแกร็บ คือ กลุ่มกลาง และล่าง เช่น กลุ่ม GenZ ที่ยังเป็นนิสิตนักศึกษา ที่ยังชำระผ่านเงินสด ที่อยากเข้าไปเพิ่มขึ้น แต่ด้วยโรบินฮู้ดที่สร้างขึ้นมาในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องลดการใช้เงินสด ไม่แตะเงินสด และให้การชำระเงินอยู่บนดิจิทัลเพย์เมนต์ทั้งหมด ดังนั้น อนาคตเราต้องหาวิธีเข้าไปจับกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น" 

      ฟู้ดดิลิเวอรีถือเป็นจุดเริ่มต้นผ่านแพลตฟอร์ม “โรบินฮู้ด” แต่ก็ไม่ได้เป็นจุดสิ้นสุด และ “โรบินฮู้ด” จะไม่จบที่เฉพาะ ที่ “ฟู้ดดิลิเวอรี” ที่แพลตฟอร์มอาหารเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการต่อยอดบริการอื่นๆ ผ่านแพลตฟอร์มของ “Robinhoon” ด้วย

      สำหรับกลยุทธ์ที่โรบินฮู้ดจะไปมีทั้งแนวตั้ง และแนวขวาง โดยอยากจะไปให้ครบทั้ง 5 เซอร์วิส ที่เริ่มก้าวแล้วคือโฮเทล โรบินฮู้ด ทราเวล ที่กำลังขยายไปในหัวเมืองใหญ่ นำร่อง 5 เมืองหลัก เพื่อซัพพอร์ตการท่องเที่ยว เช่น หัวหิน ภูเก็ต พัทยา ชลบุรี และอนาคตจะไปเพิ่มคือ เขาใหญ่ ดังนั้นเป้าหมายของเราจะไม่ไปเหมือนกับเจ้าอื่นๆ ที่จะไปทั้ง 77 จังหวัด เพราะต้นทุนสูง

       ส่วนที่เปิดให้บริการไปแล้วคือ Mart Service ซื้อของผ่านร้านซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ และราวเดือน พ.ย.2565 จะเปิดบริการรับส่งของ (Express Service) เพื่อช่วยเหลือพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ ช่วยคนตัวเล็กให้สามารถส่งของไปถึงบ้านลูกค้าได้ง่ายๆ และปลายปีจะเปิดตัว Ride Hailing บริการรถยนต์รับจ้างที่สามารถสร้างมูลค่า และสร้างรายได้ให้กับโรบินฮู้ดได้ในอนาคต เพราะบริการ Ride Hailing เราสามารถกำหนดราคาได้ตามความเหมาะสม และเชื่อว่าลูกค้าพร้อมจะจ่ายหากเทียบกับความสะดวกสบายที่จะเกิดขึ้น 

+++"ไทยซูเปอร์แอป” รายแรกของไทย

     ดังนั้น ธงที่เราจะเป็นคือ เราอยากเป็น “ไทยซูเปอร์แอป” เจ้าแรกของคนไทย ที่ประสบความสำเร็จและตอบโจทย์ครบ 360 ของไลฟ์สไตล์ลูกค้า ทุกโมเมนต์ทุกวินาที ที่ลูกค้าใช้ชีวิตหนึ่งวัน

    แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ต้องบอกว่า ทุกอุตสาหกรรมที่เราวิ่งเข้าไปเป็น late comer และ Red Ocean ทำให้เราต้องคิดกลับหน้า และกลับหลังในการเข้าไปเจาะตลาดดังกล่าว ซึ่งการที่เราไม่คิดค่าคอมมิชชัน เพื่ออยากได้จำนวนคน และร้านอาหารเข้ามาเยอะๆ แต่ต่อไปเราจะคัดคนที่อยากช่วยร้านค้าเล็กๆ เพราะร้านค้าในโรบินฮู้ด 95% เป็นร้านเล็กๆ ทั้งนั้น ดังนั้น เราต้องการช่วยกระจายรายได้ให้ทุกคน

      “ธงของเราเหมือนเดิมคือ การเป็นแอปพลิเคชันเพื่อคนไทย ช่วยคนไทย ต้องช่วยคนที่ไม่เคยมีโอกาสอยู่บนออนไลน์แพลตฟอร์มเลย ต่างกับบางคนมีโอกาสเยอะมาก แต่รายเล็กๆ เขาไม่มีโอกาสเลย”

     วันนี้โรบินฮู้ดเป็นเหมือนสตาร์ตอัป เป็นลูกผสม เป้าหมายของโรบินฮู้ดในระยะข้างหน้า มุมหนึ่งอยากให้เป็นแพลตฟอร์ม ที่สามารถจะสเกลไปสู่ระดับภูมิภาค regional platform และ reginal Super App ได้ในอนาคต

      เหมือนหลายแอปในต่างประเทศที่มาจากต่างประเทศ และก้าวเข้ามาในประเทศไทย เช่นเดียวกันกับ “โรบินฮู้ด” ที่เติบโตในไทย แต่จะก้าวไปสู่ต่างประเทศสู่แพลตฟอร์มระดับภูมิภาค ซึ่งวันนี้การออกไปเติบโตมีหลายโมเดลที่สามารถไปได้ และหลายประเทศก็สนใจแพลตฟอร์มเรา ส่วนจะไปถึงยูนิคอร์นหรือไม่ ยังมองไม่ถึงขนาดนั้น

      หากดู “โรบินฮู้ด” วันนี้ ก็ถือว่าเป็นเบอร์ 3 เบอร์ 4 ในประเทศไทย หรืออาจจะเป็นเบอร์ 2 ด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เราอยากเป็นมากที่สุด อยากมีความ Hybrid อยากรักษาความเป็นตัวของเราในการช่วยเหลือคน พอจะไปเป็นยูนิคอร์น นักลงทุนก็ต้องหวังกำไร เมื่อไรจะเห็นกำไร แต่เมื่อไรที่เรามองเป็นตัวไดร์ฟ จะทำให้ไม่จีรังในการช่วยเหลือคน!

       ดังนั้น ภาพที่เราอยากไปคือ ภายใต้แนวคิดของการให้ “โอกาส” อย่างไม่สิ้นสุด ให้โอกาสคนที่ไม่มีโอกาสเข้ามาสู่แพลตฟอร์มได้

+++ต้านมรสุม สู่ความแข็งแกร่ง

    “สีหนาท” เล่าให้ฟังว่า ตลอดชีวิตการทำงานมากว่า 20 ปี ที่เรียกว่าเป็น “มรสุม” ของการทำงาน “โรบินฮู้ด” ก็ถือว่าเป็นมรสุมหนึ่ง เพราะวันแรกที่ทำโรบินฮู้ดไม่เคยคิดว่าจะมาได้ขนาดนี้ เพราะการให้บริการ 70% อยู่บนออนไลน์ แต่อีก 30% เดินเครื่องด้วยคน ด้วยไรเดอร์ 

      และต้องบอกว่า “โรบินฮู้ด” พัฒนาเร็วมาก ปกติจะใช้เวลาพัฒนาแอปพลิเคชัน 12 เดือน แต่แอปนี้ใช้เวลาเพียง 3 เดือน และกว่าจะเป็นโรบินฮู้ดวันนี้ ผ่านประสบการณ์มาเยอะมาก ตั้งแต่ก้าวแรกที่เปิดให้บริการ ช่วงแรกๆ สั่งอาหาร 10-20 นาทีกว่าที่ไรเดอร์จะกดรับ เพราะเขาไม่ให้ความสำคัญ เพราะเขาคิดว่าเราทำไม่จริง เดี๋ยวก็ไป

     และช่วงที่หนักสุดคือ ช่วงที่เผชิญโควิดหนักๆ จนทำให้โรบินฮู้ดต้องออกโปรโมชัน “ฟรี” ดิลิเวอรี ทำให้ระบบล่มทันที และใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในการแก้ไขปัญหาให้กลับมาได้ ซึ่งช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตินั้น เราเห็นความร่วมมือ เห็นทุกฝ่าย เห็นธนาคาร คอล เซ็นเตอร์ต่างๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง เข้ามาช่วยกันหมด ทั้งที่กลุ่มนี้ก็ไม่ได้มีผลตอบแทนอะไร ดังนั้น ต้องบอกว่าช่วง 4 สัปดาห์นั้น ถือเป็นช่วงของการที่ทำฟู้ด ดิลิเวอรีที่มีความสุขที่สุด!

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์