สรรพสามิตเซ็นไทยฮอนด้าร่วมมาตรการอีวี

สรรพสามิตเซ็นไทยฮอนด้าร่วมมาตรการอีวี

สรรพสามิตเซ็นไทยฮอนด้าร่วมมาตรการหนุนอีวี ขณะที่ คาดฮอนด้ารถยนต์เซ็นร่วมมาตรการเร็วๆ นี้ เผยขณะนี้ มียอดจองซื้อรถอีวีแล้ว 2.5 หมื่นคัน เริ่มจ่ายเงิน 500 คันแรกที่จดทะเบียนแล้วเสร็จปลายปีนี้

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า วันนี้ (25 ต.ค.)กรมฯ ได้จัดให้มีพิธีลงนามข้อตกลงตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี)ระหว่างกรมสรรพสามิต กับ บจก.ไทยฮอนด้า ซึ่งเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า

ทั้งนี้ เมื่อนับรวม บจก.ไทยฮอนด้ากับผู้ประกอบการรายอื่นถือว่า มีผู้ประกอบการยานยนต์ไฟฟ้าเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลแล้วจำนวน 10 ราย ในจำนวนนี้ เป็นผู้ประกอบการที่ผลิตรถยนต์ จำนวน 7 ราย และ จักรยานยนต์จำนวน 3 ราย

สำหรับค่ายรถยนต์ฮอนด้าที่ผลิตรถยานยนต์ไฟฟ้านั้น คาดว่า จะเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนของรัฐบาลในเร็วๆ นี้ ส่วนค่ายอื่นๆ ก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ทางการค้า และความพร้อมในการผลิตของแต่ละค่าย

“ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการสนับสนุนรถยนต์อีวีของรัฐบาลนั้น ก็จะทยอยเข้าร่วมโครงการเรื่อยๆ ซึ่งในส่วนของฮอนด้าที่ผลิตรถยนต์ก็คาดว่า จะเข้าร่วมเร็วๆ นี้ และในปลายเดือนนี้ ก็จะมีผู้ประกอบการค่ายเนต้าของจีนที่จะเข้าร่วมลงนามกับกรม”

ส่วนยอดจองรถยนต์ และจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่คาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากมาตรการของรัฐบาลนั้น ขณะนี้ ได้รับรายงานว่า มียอดจองซื้อแล้วทั้งหมดประมาณ 2.5 หมื่นคัน ซึ่งกรมฯ จะเริ่มทยอยจ่ายเงินอุดหนุนเป็นรายไตรมาส ซึ่งจะเริ่มจ่ายได้ในช่วงปลายปีนี้

“ขณะนี้ เรากำลังทำเรื่องขอเบิกจ่ายเงินจากกรมบัญชีกลางเพื่อนำไปสนับสนุนผู้ที่ได้รับสิทธิจากมาตรการ โดยผู้ที่ได้รับสิทธิจะต้องเป็นรถยนต์ที่มีการจดทะเบียนเรียบร้อย และมีเอกสารมายืนยันกับกรม ซึ่งขณะนี้ มียอดที่ขอรับการสนับสนุนมาทั้งหมดประมาณ 500 คัน คาดว่า จะเริ่มจ่ายได้ในช่วงปลายปีนี้”

เขากล่าวด้วยว่า สำหรับยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 2.5 หมื่นคันนั้น ถือว่า เป็นยอดจองที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่สนับสนุนให้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในปีแรก ซึ่งเราก็คาดว่า ยอดการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ยอดจองที่สูง แต่การส่งมอบยังล่าช้า เพราะค่ายรถประสบปัญหาขาดแคลนชิปประกอบรถยนต์ ซึ่งเป็นปัญหาที่ขาดแคลนทั่วโลก

ทั้งนี้ สำหรับงบประมาณจำนวน 3 พันล้านบาท ที่กรมฯ ขอไว้นั้น เชื่อว่า จะเพียงพอสำหรับปีงบประมาณ 2566 นี้ ส่วนปีต่อไป ทางรัฐบาลก็จะสนับสนุนงบประมาณต่อเนื่องจนครบอายุมาตรการจำนวน 4 ปี หรือสิ้นสุดโครงการในปี 2568 โดยวงเงินสูงสุดที่อุดหนุนอยู่ที่ประมาณ 1.5 แสนบาทต่อคัน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์