ธ.ก.ส.จับมือเจียไต๋นำนวัตกรรมยกระดับเกษตรพร้อมปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ 4%
ธ.ก.ส.จับมือเจียไต๋ นำนวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อยกระดับสินค้าเกษตรไทย สู่การผลิตสินค้าเกษตรมูลค่าสูง พร้อมหนุนแหล่งเงินทุนผ่านสินเชื่อนวัตกรรมดีมีเงินทุนดอกเบี้ย 4% ต่อปี วงเงินรวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท
นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และนายมนัส เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจียไต๋ จำกัด ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง “โครงการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรมูลค่าสูง” เพื่อสนับสนุนการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาปรับใช้ในภาคเกษตรกรรม การเติมองค์ความรู้ในการวางแผนการผลิตที่สามารถสร้างกำไร พร้อมสนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำให้เกษตรกร และผู้ประกอบการเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต และเสริมศักยภาพการแข่งขันเกษตรไทยไปสู่ตลาดโลก
นายธนารัตน์ กล่าวว่า ธ.ก.ส. ตระหนักถึงความสำคัญในการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมเข้ามาใช้ในการพัฒนาและยกระดับภาคเกษตรไทย มุ่งเน้นการเกษตรมูลค่าสูง ทั้งพืชผัก ผลไม้ และสมุนไพรไทย เพื่อพัฒนาคุณภาพผลผลิตที่ตรงกับความต้องการของตลาด และมีมาตรฐานระดับสากล
ความร่วมมือระหว่าง ธ.ก.ส. และบริษัท เจียไต๋ จำกัด ในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างโอกาสให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการเกษตรในการเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการเพาะปลูก ตอบโจทย์ปัญหาทำการเกษตรอย่างไรไม่ให้ขาดทุน และมีกำไรจากการลงทุน รวมถึง การนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และเครื่องจักรกลการเกษตรมาปรับใช้ เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการผลิตให้เกษตรกรอย่างตรงจุด ทั้งกระบวนการผลิต การแปรรูป การเชื่อมโยงการตลาด ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ อันนำไปสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ และรายได้ที่มั่นคง
“ธ.ก.ส. จะเชื่อมโยงเกษตรกรในกลุ่มเป้าหมายเข้ามาเรียนรู้ พร้อมสนับสนุนให้เกษตรกร และผู้ประกอบการเกษตรได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำผ่านสินเชื่อนวัตกรรมดีมีเงินทุน อัตราดอกเบี้ย 4%ต่อปีวงเงินรวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท”
นายมนัส เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารบริษัท เจียไต๋ จำกัด กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ทางการเกษตรมากว่าศตวรรษ เจียไต๋พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาภาคเกษตรกรรม จึงร่วมมือกับ ธ.ก.ส. ริเริ่มโครงการที่จะสามารถผลักดันศักยภาพในการเพาะปลูกให้กับเกษตรกรไทยก้าวไปอีกขั้นสู่การเป็นเกษตรกรมืออาชีพที่มีความมั่นคงทางรายได้ และมีความภาคภูมิใจในอาชีพ
โดยเจียไต๋ในบทบาทของโซลูชัน โพรไวเดอร์ จะส่งมอบโซลูชันทางการเกษตรให้กับเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันองค์ความรู้การเพาะปลูก การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุน ทั้งการวางแผนการผลิต การจัดการหลังเก็บเกี่ยว (post-harvest management) การแนะแนวด้านต้นทุน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการเพาะปลูก รวมถึงการสร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้จากการปลูกพืชมูลค่าสูงอย่างเมล่อนซึ่งเป็นที่นิยม และตลาดมีความต้องการสูง
นอกจากนี้ จะนำเสนอเทคโนโลยี และนวัตกรรมทางการเกษตรมาปรับใช้ในกระบวนการผลิต เช่น โดรนเพื่อการเกษตร และโรงเรือนอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ เพิ่มคุณภาพในการเพาะปลูก และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต ทำให้เกษตรกร และผู้ประกอบการเกษตรมีรายได้ที่มั่นคง และมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ เจียไต๋พร้อมให้ความร่วมมือในด้านอื่นๆ กับ ธ.ก.ส. เพื่อช่วยเหลือ และสนับสนุนให้เกษตรกรไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนพร้อมสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศไทย
ความร่วมมือระหว่างสององค์กรแห่งภาคการเกษตรไทยในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งพันธกิจในการต่อยอดการพัฒนาการเกษตรของไทย
โดยบันทึกข้อตกลงครั้งนี้กำหนดระยะเวลา 3 ปี ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ร่วมลงนามเป็นต้นไปถึงวันที่ 31 มีนาคม 2025 สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
"ความร่วมมือครั้งนี้ มีความหมายสำคัญต่อภาคเกษตรไทย เพราะจะเป็นการเพิ่มเขี้ยวเล็บให้เกษตรกรไทยสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้"
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์