"สวัสดีปีใหม่ อินเดียใกล้จะแซงจีน?"
ปีค.ศ. 2023 เป็นโอกาสให้เราตั้งสติเริ่มต้นใหม่ รับทั้งโชคลาภและสิ่งท้าทาย ภูมิศาสตร์การเมืองและเศรษฐกิจโลกเป็นข่าวใหญ่ใกล้ตัว เรื่องที่จีนจะเริ่มเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมเป็นต้นไป สร้างความสนใจในหลายประเทศ
นโยบายของไทยที่จะไม่เลือกปฏิบัติ และหวังพึ่งกับระบบจัดการบริหารการแพทย์พยาบาล และความตื่นตัวของประชาชน ในการช่วยกันด้วยดูแลรักษาสุขภาพ ของเจ้าของบ้านและผู้มาเยือนนั้นเป็นสิ่งดี โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่ซบเซามานาน จะมีโอกาสสู้ต่อไป จำนวนนักเดินทางจากจีนระยะแรกคงไม่มากนัก หากไม่มีเชื้อโควิดกลายพันธุ์ใหม่ หรือการป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาล เกินขีดความสามารถที่เรารับได้ ก็ถือว่าเป็นโชค
แต่หากสถานการณ์เปลี่ยน อยากเห็นผู้บริหารประเทศกล้าตัดสินใจ ป้องกันสุขภาพและชีวิตของประชาชน เปลี่ยนมาตรการและนโยบายให้เข้มงวดและทันท่วงทีครับ
การลงทุนจากต่างประเทศในไทยปีนี้ คาดว่าจะเป็นจำนวนที่น่าพอใจ ชาวจีนที่มีทรัพย์สินกิจการใหญ่ การศึกษาสูง โยกย้ายธุรกิจและการลงทุนออกจากจีนผ่านฮ่องกง ไปสิงคโปร์เป็นจำนวนมาก ในช่วงโควิดสามปีที่ผ่านมา เป็นจำนวนเงินประมาณ 500,000ล้านเหรียญ ปัจจุบันชาวจีน สัญชาติจีน อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ถึง 470,000 คน เหตุจูงใจที่สำคัญที่สุดของกลุ่มนี้คือแสวงหาภูมิลำเนาใหม่ บทเรียนจากความกดดันช่วงโควิดในจีน
หลายบริษัทที่เปิดสาขานอกจีน และเตรียมที่จะทิ้งจีนและย้ายออกไปนั้น เริ่มขยับจากเอเชียตอนออกเฉียงใต้ไปอินเดีย ด้วยเหตุผลหลายประการ แต่ในวาระนี้ ผมอยากจะชี้ให้เห็นถึงปัจจัยหนึ่งที่น่าสนใจ คือประชากรของอินเดียเปรียบเทียบกับจีน
สิ้นปีค.ศ. 2022 ประชากรจีน 1,448ล้านคน ขณะที่อินเดียมีประชากร 1,406ล้านคน ตัวเลขนี้ทางสหประชาชาติวิเคราะห์ว่าอาจเป็นตัวเลขที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะข้อมูลจากอินเดียยังไม่ชัดเจน และอินเดียสำรวจประชากรครั้งสุดท้ายเมื่อปีค.ศ. 2011 หรือประชากรอินเดียจะแซงจีนไปแล้วก็เป็นไปได้
เด็กอินเดียเกิดใหม่ในแต่ละปีนั้นมากกว่าทุกประเทศในโลก สหประชาชาติประเมินว่าเด็กอินเดียเกิดแต่ละปีประมาณ 24ล้านคน แต่ตัวเลขจริงน่าจะมีมากกว่านั้น เพราะเด็กหลายคนในอินเดียไม่ถูกแจ้งเกิดเป็นทางการ
เด็กอินเดียสมัยนี้เกิดในโรงพยาบาลมากกว่าในบ้าน โอกาสที่จะรอดสูงขึ้น และการศึกษาโดยเฉพาะการใช้หลายภาษามีมาก ชาวอินเดียจะมีการโยกย้ายถิ่นฐานภายในอินเดีย และไปอยู่ต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
ปีนี้อาจจะเป็นจุดสำคัญในประวัติศาสตร์ของโลก ที่จำนวนประชากรของอินเดียอาจจะแซงประชากรจีนเป็นครั้งแรก
ทัศนคติในอินเดียเริ่มเปลี่ยนไปทำให้สตรีมีโอกาสมากขึ้น ทารกเพศหญิงไม่โดนกำจัดตอนแรกเกิดเมื่อในอดีต การศึกษาทำให้สตรีมีส่วนร่วมในการทำงานหลากหลายอาชีพมากขึ้น โดยเฉพาะเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการผลิต บริการและเทคโนโลยี
ชาวอินเดียมีแนวโน้มในการย้ายถิ่นจากชนบท มาอาศัยและประกอบอาชีพในเมืองใหญ่มากขึ้น รัฐบาลอินเดียประเมินว่าจะเกินกว่า 40% ในปีค.ศ. 2030 ชาวอินเดียหลายสิบล้านคนโยกย้ายถิ่นฐานเข้าเมือง จึงกลายเป็นแรงงานสำคัญในโรงงานผลิตสินค้า
ประชากรจีนกำลังอยู่ตัวและเริ่มลดลง ขณะที่อินเดียกำลังเพิ่มขึ้นสหประชาชาติประเมินว่า เด็กเกิดในอินเดียต่อวัน 86,000คน ขณะที่เด็กเกิดในจีน 49,000คนต่อวัน แนวโน้มนี้จะทำให้ประชากรชาวอินเดียขึ้นมาถึง 1,650ล้านคนในปี ค.ศ. 2060
อัตราการเกิดของจีนคือ เด็กเกิดใหม่ 1.7คนต่อสตรีหนึ่งคน ขณะที่อินเดียอยู่ที่2.18
ปีที่แล้วค.ศ. 2022 ประชากรจีนเพิ่มขึ้น 480,000 คน ประชากรใน 13 จังหวัดจากทั้งสิ้น 31 จังหวัดนั้นจำนวนลดลง
ชาวจีนอายุ 16 ถึง 59 ปีมีจำนวน 882ล้านคน อายุ 60 ปีขึ้นไปมี 267ล้านคน โดยคร่าวๆคนวัยทำงานของจีนลดลง 40ล้านคนภายใน10 ปีที่ผ่านมา อายุคนวัยทำงานในปัจจุบันเฉลี่ยที่ 39 ปี คนวัยหนุ่มสาวเลือกที่จะไม่ทำงาน(หนัก)ในโรงงานและเลี่ยงไปหางาน(เบา)บริการต่างๆ
อินเดียกำลังขาดดุลการค้ากับจีนอยู่ประมาณ 73,000ล้านเหรียญต่อปี ปีก่อนหน้านั้นขาดดุล 44,000ล้านเหรียญ ตัวเลขนี้ไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวล แต่เป็นหลักฐานถึงการลงทุนซื้ออุปกรณ์เครื่องจักรสำคัญในการทำโรงงานต่างๆมาจากจีน
เราคงต้องศึกษาเรื่องนี้ไปอีกระยะหนึ่ง จีนจะยังคงรักษาตำแหน่งของแชมป์การเป็นแหล่งผลิตสำคัญของโลกไปได้อีกหลายปี คู่แข่งจะเพิ่มขึ้นแต่ต้องใช้เวลา อินเดียเป็นหนึ่งในคู่แข่งที่จีนจับตามอง
จีนคงปรับตัวลงทุนกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย อยู่ใกล้กับทรัพยากรมนุษย์และตลาด เปลี่ยนบทบาทจากการเป็นผู้ผลิตสินค้าแทบทุกอย่าง เป็นการเลือกเฉพาะเจาะจงอุตสาหกรรมบางอย่าง ให้เหมาะสมกับโครงสร้างของประชากร
ถ้าเราเอากรุงเทพเป็นศูนย์กลาง วัดระยะการบินทุกทิศรัศมี 6 ชั่วโมง จะครอบคลุมเขตประชากรโลกกว่า 60% นี่คือโชคมหาศาลของทำเลทองของไทย การที่เราตั้งอยู่ในยุทธภูมิที่เป็นทางผ่าน เราจะรับทุกอย่างทั้งสิ่งท้าทายและโชคลาภ
จีนเปิดประเทศเดือนนี้ ตรุษจีนปีกระต่ายหมายถึงความโชคดี หวังว่าจะนำของขวัญที่เรารอคอยกันมานาน ไทยเตรียมพร้อมรับนักเดินทางจากทั่วโลก ด้วยความไม่ประมาท และเปี่ยมด้วยทัศนคติของการเป็นเจ้าภาพที่ดีเสมอ สวัสดีปีใหม่ครับ