KTAM ขาย "KT-GREEN" ลุยพลังงานสะอาด ลงทุนเริ่มต้น "บาทเดียว"
KTAM จับจังหวะดีลงทุนพลังงานสะอาด เปิดขาย "KT-GREEN" IPO 10 - 20 ม.ค.2566 นี้ ลงทุนเริ่มต้น 1 บาท มองแนวโน้มโตต่อเนื่องจากความร่วมมือจากทั่วโลกที่พยายามต่อสู้กับสภาวะโลกร้อน
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) KTAM เปิดเผยว่า จากการที่ภูมิอากาศมีความแปรปรวนเพิ่มขึ้นทุกขณะ จึงทำให้เกิดความร่วมมือจากทั่วโลกที่พยายามต่อสู้กับสภาวะโลกร้อน
รวมถึงความพยายามเพื่อที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันที่จะรักษาอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส ตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement 2015) ซึ่งอุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
ส่งผลให้อุตสาหกรรมพลังงานต้องเร่งปฏิวัติเชิงโครงสร้างที่สำคัญ และเป็นโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดที่มองว่ามีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง จึงได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิดเคแทม Green Energy (KT-GREEN) และ กองทุนเปิดเคแทม Green Energy (ชนิดเพื่อการออม) (KT-GREEN-SSF) สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเปิดเสนอขายครั้งแรกในวันที่ 10-20 ม.ค. 2566 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 บาท
"การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ 1) การลดการใช้คาร์บอนในการผลิตกระแสไฟฟ้า 2) การหันมาใช้พลังงานจากกระแสไฟฟ้าเป็นหลัก และ 3) การเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ไฟฟ้าคือ สิ่งสำคัญที่อุตสาหกรรมพลังงานต้องเร่งปฏิวัติ เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต จึงทำให้เป็นจังหวะที่ดีสำหรับการลงทุนในบริษัทที่มีส่วนช่วยในการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานคาร์บอนต่ำ"
เพราะความต้องการเทคโนโลยีพลังงานสะอาดจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด นอกจากนี้ การที่ต้นทุนทางเทคโนโลยี และความต้องการของผู้บริโภคกำลังเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ก็จะทำให้เม็ดเงินลงทุนในอุตสาหกรรมมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาลในอนาคต โดยมีการคาดการณ์ว่าจะต้องมีการลงทุนอีกไม่น้อยกว่า 100 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ กระจายไปทั่วแต่ละห่วงโซ่อุปทาน ภายในปี 2050 (ที่มา: Schroders ข้อมูล ณ ก.ย. 65)
สำหรับกองทุน KT-GREEN และ KT-GREEN-SSF เน้นการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวม Schroder ISF Global Energy Transition (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว ในชนิดหน่วยลงทุน "Class C (USD)" โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80% ของ NAV โดยกองทุนหลักมีเป้าหมายที่จะสร้างผลตอบแทนจากการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว ผ่านการลงทุนในตราสารทุนของบริษัททั่วโลก ที่ผู้จัดการกองทุนเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานคาร์บอนต่ำ
เช่น การผลิตพลังงานที่มีคาร์บอนต่ำ การจัดจำหน่าย การเก็บรักษา การขนส่ง และที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทาน ผู้จัดหาวัตถุดิบ และบริษัทเทคโนโลยี รวมถึงบริษัทที่มีส่วนสำคัญในกิจกรรมเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่าน แม้มิได้ลงทุนโดยตรงในบางกิจกรรม บางอุตสาหกรรม หรือบางกลุ่มของผู้ออกตราสาร
นอกจากนี้ กองทุนหลักมีการลงทุนแบบ Active โดยเน้นลงทุนในหุ้นที่มีกำไร และกระแสเงินสดที่เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว และซื้อขายอยู่บนระดับราคาที่เหมาะสม ทั้งยังมีการควบคุมความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง และมีการคัดกรองบริษัทที่จะเข้าลงทุนด้วยการสร้าง Universe การลงทุนที่เน้นธีม Energy Transition เป็นหลัก ครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรม ตลอดห่วงโซ่อุปทาน
พร้อมทั้งทำการวิเคราะห์ และประเมินมูลค่าบริษัท ผ่านการทำ Financial Model อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการคิดลดกระแสเงินสด (DCF Valuation) การจัดอันดับบริษัทตาม GARP Score (Growth-at-reasonable-price) และการจัดกลุ่มความยั่งยืน เป็นต้น และกระจายการลงทุนทั่วโลก โดยไม่มีการ Short หรือ Leverage และยังสามารถถือครองเงินสดได้สูงสุดถึง 30% ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด ซึ่งปกติแล้วจะถือครองประมาณ 2-6%
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์