เปิดข้อบังคับกระทรวงการคลัง”กรรมการผู้แทน”รับหุ้นได้หรือไม่

เปิดข้อบังคับกระทรวงการคลัง”กรรมการผู้แทน”รับหุ้นได้หรือไม่

หลังเกิดกรณี 2 อธิบดีกระทรวงการคลังซื้อขายหุ้น”บางจาก”ขณะดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้แทนจากคลังในบริษัทดังกล่าว ทำให้เกิดคำถาม ขัดต่อจริยธรรม และ อินไซค์เดอร์ข้อมูล ในขณะที่ บริษัทได้เข้าลงนามซื้อกิจการอื่น หรือไม่ วันนี้ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ มีคำตอบ

กระทรวงการคลัง โดยนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ได้ลงนามในประกาศข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยจรรยาของผู้บริหารกระทรวงการคลัง เพื่อป้องกันการขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2553 โดยที่มาตรา 78 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551กำหนดให้ส่วนราชการกำหนดข้อบังคับว่าด้วยจรรยาข้าราชการเพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะงานในส่วนราชการนั้นตามหลักวิชาและจรรยาวิชาชีพ

โดยกระทรวงการคลังเล็งเห็นความจำเป็นในการวางข้อบังคับสำหรับผู้บริหารกระทรวงการคลัง เพื่อป้องกันการขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ราชการของข้าราขการระดับผู้บริหารกระทรวงการคลังเป็นไปด้วยความโปร่งใส มีความซื่อสัตย์สุจริต เที่ยงธรรม ปราศจากข้อครหาของประชาชน และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานและประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และสอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลและหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี จึงวางข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยจรรยาของผู้บริหารกระทรวงการคลังเพื่อป้องกัน การขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม โดยให้ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นผู้รักษาการตามข้อบังคับนี้

ทั้งนี้ ในข้อบังคับที่ 8 ระบุว่า ห้ามผู้บริหารกระทรวงการคลัง ในที่นี้หมายถึงกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังและบุคคลที่เกี่ยวข้องได้มาซึ่งหลักทรัพย์ของรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคลโดยได้รับสิทธิพิเศษอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารกระทรวงการคลังผู้นั้น ส่วนข้อบังคับที่ 9 ระบุว่า ในกรณีผู้บริหารกระทรวงการคลังได้รับมอบหมายจากกระทรวงการคลังไปเป็นกรรมการหรือผู้แทนกระทรวงการคลังในรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคล จากรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคลนั้น ให้สิทธิการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ในฐานะเป็นกรรมการหรือผู้แทนของกระทรวงการคลัง ให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังผู้นั้นแจ้งรายละเอียดและเงื่อนไขของหลักทรัพย์ดังกล่าวต่อกระทรวงการคลังภายใน15 วันนับจากวันที่ได้รับแจ้งจากรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคล

ทั้งนี้ หากกระทรวงการคลังเห็นว่า หลักทรัพย์ดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายการถือครองหลักทรัพย์หรือนโยบายการลงทุนของรัฐบาลหรือกระทรวงการคลัง ให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังโอนสิทธิการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ดังกล่าวแก่กระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการต่อไป หากกระทรวงการคลังเห็นว่า หลักทรัพย์ดังกล่าวไม่สอดคล้องกับนโยบายการถือครองหลักทรัพย์หรือการลงทุนของรัฐบาลหรือกระทรวงการคลัง ผู้บริหารกระทรวงการคลังสามารถใช้สิทธิการได้มาซึ่งหลักทรัพย์นั้นได้ โดยให้รายงานการได้หลักทรัพย์ดังกล่าวตามที่กำหนด

ข้อบังคับที่ 10 ระบุว่า ผู้บริหารกระทรวงการคลัง ต้องไม่ใช้ข้อมูลที่ล่วงรู้จากการปฏิบัติหน้าที่ราชการและเป็นข้อมูลที่ยังไม่เปิดเผยทั่วไปหรือต่อสาธารณะไปแสวงหาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น

ข้อบังคับที่ 11 ในกรณีที่ผู้บริหารกระทรวงการคลังเห็นว่า การปฏิบัติหน้าที่ของตนและการกระทำของบุคคลที่เกี่ยวข้องอาจมีการขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมตามที่กำหนด ในข้อบังคับนี้ ให้รายงานต่อผู้บังคับบัญชาทราบในกรณีดังกล่าว เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาความเหมาะสมในการมอบหมายงาน

ข้อบังคับที่ 12 ให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังรายงนการถือครองหลักทรัพย์และรายงานการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งหลักทรัพย์ของตนและบุคคลที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนด ดังนี้

1.กรณีรายงานการถือครองหลักทรัพย์ครั้งแรก ให้รายงานภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ข้อบังคับนี้มีผลใช้บังคับ หรือวันที่ได้รับการแต่งตั้งเข้าดำรงตำแหน่ง หรือวันที่มีการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ครั้งแรกซึ่งเกิดขึ้นหลังจากวันที่เข้าดำรงตำแหน่ง แล้วแต่กรณี

2.กรณีรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์อันเนื่องมาจากการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งหลักทรัพย์ ให้รายงานทุกรายการที่มีการเปลี่ยนแปลงภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนถัดจากเดือนที่มีการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งหลักทรัพย์นั้น

3.กรณีรายงานการลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล ให้รายงานทุกรายการภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนถัดจากเดือนที่มีการทำสัญญาการจัดการกองทุนส่วนบุคคล หรือเปลี่ยนแปลงบริษัทจัดการ หรือวงเงิน หรือนโยบายการลงทุน หรือเมื่อเลิกสัญญาดังกล่าว

ข้อบังคับที่ 13 ให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังจัดส่งรายงานโดยใส่ซองปิดผนึกยื่นต่อผู้บังคับบัญชา ดังนี้

1.ปลัดกระทรวงการคลัง ให้รายงานการต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

2.ผู้บริหารกระทรวงการคลังนอกเหนือจาก(1)ให้รายงานต่อปลัดกระทรวงการคลัง

ข้อบังคับที่ 14 ให้กลุ่มตรวจสอบภายใน กระทรวงการคลังเป็นผู้เก็บรักษาและเปิดผนึกชอง เพื่อวิเคราะห์รายงานตาม เพื่อวิเคราะห์รายงานตามข้อบังคับที่ 12 ทุกๆ 3 เดือนนับจากวันที่ได้รับรายงานจากผู้บริหารกระทรวงการคลัง ในกรณีที่พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์ หรือการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งหลักทรัพย์ที่อาจมีการชัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมของผู้บริหารกระทรวงการคลังและบุคคลที่เกี่ยวข้องตามที่กำหนดในข้อบังคับนี้ ให้รายงานผลการวิเคราะห์ดังกล่าวเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือปลัดกระทรวงการคลังแล้วแต่กรณี ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่พบว่ามีการเปลี่ยนแปลง หรือได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งหลักทรัพย์ที่อาจมีการขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมของผู้บริหารกระทรวงการคลังและบุคคลที่เกี่ยวข้อง

ข้อบังคับที่ 15 ผู้บริหารกระทรวงการคลังผู้ใดไม่ปฏิบัติดามข้อบังคับนี้ หากเข้าลักษณะการกระทำผิดวินัย ให้ได้รับโทษทางวินัยตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่หากไม่เข้าลักษณะการกระทำผิดวินัย ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้

1.ว่ากล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บนเป็นหนังสือ หรือสั่งให้ได้รับการพัฒนาตามที่เห็นสมควร

2.นำไปประกอบการพิจารณาแต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนขั้นเงินเดือน

3.นำไปประกอบการพิจารณาแต่งตั้งการเป็นกรรมการในหน่วยงานของรัฐ

ที่มา:: https://www.sepo.go.th