อลิอันซ์ฯ มองหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจหนุนโตระยะยาวในไทย หวังขึ้นติดท็อป 5
“อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย” มองหาโอกาสใหม่ขยายธุรกิจในไทย ตั้งเป้าขึ้นติดท็อป 5 ในระยะข้างหน้า เผยหลังควบรวมกิจการ “เอ็ทน่า” ดันขึ้นสู่อันดับ 8 ประกันวินาศภัย พร้อมวางเป้าหมายปีนี้ สร้างเบี้ยรับรวมแตะ 1.02 หมื่นล้านบาท
นายลาร์ส ไฮบุทสกี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัยจำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ปี 2565 หลังการควบรวมกับ เอ็ทน่า (ประเทศไทย) เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำให้บริษัทเติบโตขึ้น 30% มีเบี้ยประกันภัยรับรวมแตะ 9,400 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาดขยับขึ้นที่อันดับ 8 หรือติด 1 ใน 10 ของตลาดประกันวินาศภัย จากปีก่อนหน้าอยู่ที่อันดับ 11
ขณะเดียวกันบริษัทยังมองหาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจอยู่เสมอเพื่อขยายโอกาสการเติบโตในอนาคต สนับสนุนเป้าหมาย มีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทยขึ้นติด 1 ใน 5 ของตลาดประกันวินาศภัย โดยตลาดประกันในประเทศไทย และตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งยังคงเป็นตลาดหลักของบริษัทแม่อลิอันซ์ที่จะขยายการเติบโตในระยะข้างหน้า
ขณะที่ฐานะการเงินยังแข็งแกร่ง ด้วยสินทรัพย์กว่า 10,700 ล้านบาท มีเงินกองทุนสำรอง (Risk-based capital) ถึงกว่า 365% สูงกว่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนดถึง 225% (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565)
สำหรับปี 2566 บริษัทวางเป้าหมายสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องราว 10% มีเบี้ยประกันรับรวมอยู่ที่ 10,200 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนทั้งประกันภัยรถยนต์ 32% ประกันภัยไม่ใช่รถยนต์ 34% และประกันสุขภาพ 34% และเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าอีก 10% จากปัจจุบันมีฐานลูกค้า 1.1 ล้านราย เน้นกลุ่มลูกค้าองค์กรและเอสเอ็มอี
“ในปีนี้เรายังเติบโตอย่างระมัดระวัง เพราะตลาดยังมีความไม่แน่นอนทั้งจากความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ในหลายประเทศ และเงินเฟ้อสหรัฐ และยุโรป ยังอยู่ในระดับสูง ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงส่งผลกระทบต่อตลาดประกันภัยได้”
นายลาร์ส กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะรุกขยายประกันสุขภาพมากขึ้น หลังจากรับพอร์ตงานรับประกันสุขภาพจาก เอ็ทน่าประกันภัยเข้ามาเพิ่มเติม โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 2 ของตลาดประกันสุขภาพในไทย ด้วยการพัฒนาช่องทางใหม่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการแนะนำประกันสุขภาพให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเฉพาะบุคคล นอกจากนี้มุ่งยกระดับแพลตฟอร์มดิจิทัล ส่งมอบประสบการณ์ลูกค้าเหนือระดับ ล่าสุด ครั้งแรกในการนำ AI เข้ามาใช้ในการเคลมบนดิจิทัลแพลตฟอร์ม ภายใน 3 นาที
โดยผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1.Growth Engine มุ่งผลักดันการเติบโตผ่านช่องทางการขายที่หลากหลาย ให้กับลูกค้าทั้งรายเดี่ยว SME และลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ โดยบริษัทตั้งเป้าขยายธุรกิจทั่วประเทศผ่าน ช่องทางตัวแทน และโบรกเกอร์ (Agency & Broker) พัฒนาผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีเครื่องมือการขายที่ง่าย รวดเร็ว เอื้ออำนวยต่อการปิดการขายที่มีประสิทธิภาพ ช่องทางพันธมิตร (FI & Partnership) เน้นการขยายความร่วมมือ และมอบโซลูชันส์ที่ปรับให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย ให้กับสถาบันการเงิน ธนาคาร และธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ต่างๆ ช่องทางขายตรงสำหรับประกันสุขภาพ (Direct to Customer) เน้นการขายประกันสุขภาพผ่านเครือข่าย และทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และยังคงมุ่งมั่นขยายธุรกิจทีมช่องทางธุรกิจ (Commercial Business) เน้นให้ความคุ้มครองลูกค้ารายใหญ่ ผ่านความเชี่ยวชาญของกลุ่มอลิอันซ์ในด้านการพิจารณารับประกัน ทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก รวมทั้งความมั่นคงแข็งแกร่งของกลุ่มอลิอันซ์
2.Business Platform มุ่งยกระดับรูปแบบการดำเนินธุรกิจ เน้นการพัฒนาบริการที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อยกระดับความพึงพอใจ โดยในปีที่ผ่านมา เราได้รับคะแนนความพึงพอใจจากลูกค้าในระดับที่ลูกค้ามีความภักดีต่อแบรนด์ในระดับสูงมาก คะแนนสูงกว่าค่ามาตรฐานตลาดสองเท่า อีกทั้งยังมุ่งเดินหน้าร่วมมือกับพัฒนาพัฒนาบริการ ไม่ว่าจะเป็นอู่ซ่อมรถยนต์ และบริษัทสำรวจภัย ซึ่งเป็นด่านหน้าในการให้บริการลูกค้า อีกทั้ง ยังมีการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเสริมความสะดวกให้กับลูกค้าผ่านระบบการเคลมด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชันซึ่งจะสามารถอนุมัติการเคลมได้จบกระบวนการใน 3 นาที ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่รวดเร็ว และเพิ่มความพอใจในภาพรวม
3.Future Positioning สร้างอนาคตสู่ความแข็งแกร่งและยั่งยืน ด้วยการให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กรความผูกพันของพนักงาน โดยที่ผ่านมา คะแนนความผูกพันของพนักงานพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 และเราอยากผลักดันให้อลิอันซ์ อยุธยา เป็นนายจ้างที่คนอยากร่วมงานด้วยมากที่สุด นอกจากนั้น เรายังมุ่งใส่ใจการดำเนินธุรกิจที่สร้างความยั่งยืน สร้างให้เกิดการมีส่วนร่วมของพนักงานในการใส่ใจสิ่งแวดล้อมและดูแลสังคม
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์