รัฐมนตรีคลังการหารือเพิ่มประสิทธิภาพADB รองรับความช่วยเหลือประเทศสมาชิก
รัฐมนตรีคลังร่วมหารือแนวเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของ ADB ในการรองรับความต้องการความช่วยเหลือทางการเงินของประเทศสมาชิกที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตในการประชุมสภาสภาผู้ว่าการ ADB ครั้งที่ 56
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่านายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) ครั้งที่ 56 การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 (ASEAN+3 Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting: AFMGM+3) ครั้งที่ 26 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 2 – 5 พฤษภาคม 2566 ณ เมืองอินชอน สาธารณรัฐเกาหลี
การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ ADB ครั้งที่ 56 จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “Rebounding Asia: Recover, Reconnect, and Reform” โดยในการประชุมสภาผู้ว่าการของประเทศสมาชิกจะมีการหารือและพิจารณาถึงแนวทาง การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของ ADB ในการรองรับความต้องการความช่วยเหลือทางการเงินของประเทศสมาชิกที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
สำหรับการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 จะมีการหารือร่วมกันเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและภูมิภาคอาเซียน+3 รวมทั้งจะมีการหารือเพื่อติดตามความคืบหน้าและมอบหมายนโยบายด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเงินในกรอบอาเซียน+3 เช่น ทิศทางการดำเนินการในอนาคตของโครงสร้างความช่วยเหลือทางการเงินของภูมิภาค การเสริมสร้างประสิทธิภาพของมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี การดำเนินการของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 ข้อริเริ่มภายใต้กรอบความร่วมมือทางการเงินอาเซียน+3 มาตรการริเริ่มพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย เป็นต้น
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเข้าร่วมการประชุมและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ (1) การประชุม รัฐมนตรีกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน – ญี่ปุ่น ในโอกาสครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์อาเซียน - ญี่ปุ่น (2) การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสาธารณรัฐสิงคโปร์ (3) งานเปิดตัวรายงานร่วมระหว่าง ADB และอาเซียน+3 เรื่อง “แนวทางการจัดหาเงินทุนใหม่เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนและยืดหยุ่นในอาเซียน+3” และ (4) การหารือทวิภาคีกับผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาคเอกชนระหว่างประเทศ