‘กรณ์’ เข็น ‘คิงส์ฟอร์ด’ ฝ่าสมรภูมิแข่งเดือด'ค่าฟี' ปักธง 3 ปีเข้าตลาด
‘กรณ์ โชติจิรภาส’ แม่ทัพคิงส์ฟอร์ด ชี้ กลยุทธ์ เข็นธุรกิจ ท่ามกลาง การแข่งขันในธุรกิจหลักทรัพย์-ค่าฟีเดือด ผลิตภัณฑ์ต้องหลากหลาย ตอบโจทย์นักลงทุนครบวงจร หวังรักษามาร์เก็ตแชร์ติด 1ใน5 ในธุรกิจหลักทรัพย์ต่อเนื่อง ปักธง3 ปี เข็นบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์
ปัจจุบันหลายคนหันมา ให้ความสนใจกับ “การลงทุน” มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนผ่าน “เงินฝาก” ที่ถือเป็นการลงทุนขั้นพื้นฐาน หรือการลงทุนใน ตราสารหนี้ ตลาดหุ้น พันธบัตร หุ้นกู้ หรือลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างความมั่งคั่งทางการเงินให้กับตัวเองมากขึ้น
ส่งผลให้ปัจจุบัน เห็นการแข่งขันมากมาย ในธุรกิจที่เกี่ยวกับ “นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์” หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้คำแนะนำ หรือเป็นปรึกษาในการลงทุน เพื่อการตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุนที่มีความหลากหลายมากขึ้น
“บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน)” ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจหลากหลาย ทั้งการเป็นนายหน้าตัวแทนซื้อขายหลักทรัพย์ การค้าหลักทรัพย์ การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ การเป็นที่ปรึกษาการลงทุน และการเป็นตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และด้านวานิชธนกิจ
“กรณ์ โชติจิรภาส” กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้อบรมหลักสูตร Wealth of Wisdom : WOW รุ่นที่ 2 หลักสูตรที่รวมผู้นำทางความคิดจากองค์กรภาคเอกชน นักลงทุน และนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ ที่จัดขึ้นโดย กรุงเทพธุรกิจ และฐานเศรษฐกิจ กล่าวว่า สถานการณ์การลงทุน ที่ผ่านมา ถือว่ามีความผันผวนต่อเนื่อง หลักๆจาก ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก แต่หลังจากเลือกตั้งของไทยผ่านพ้นไปแล้ว เชื่อว่าภาพรวมการลงทุน น่าจะกลับไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นโอกาสของ “การลงทุน”ที่ดีขึ้นหลังจากนี้
ทั้งนี้ หากพูดถึง “ธุรกิจหลักทรัพย์” ถือเป็นธุรกิจอันดับต้นๆที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง ทั้งการแข่งขันจากผู้เล่นที่อยู่ในตลาดที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ยังมีผู้เล่นอีกมาก ที่พร้อมจะเข้ามาทำธุรกิจตรงนี้มากขึ้น รวมถึงธุรกิจหลักทรัพย์ ยังเผชิญกับ การแข่งขันด้านค่าธรรมเนียม ที่มีแนวโน้มต่ำลงเรื่อยๆ
แต่ข้อดี ที่ยังคงเห็นต่อเนื่องคือ มี “นักลงทุนหน้าใหม่” เข้ามาในตลาดทุนมากขึ้นเรื่อยๆ และส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนที่มีคุณภาพ มีเงิน เป็นเด็กรุ่นใหม่ และมีศักยภาพในการลงทุน ที่มีการเรียนรู้การลงทุนมากขึ้น ทำให้ภาพการลงทุนเปลี่ยนไป
จากเดิมที่นักลงทุนอาจเลือกฟังคำแนะนำจากผู้แนะนำการลงทุน โบรกเกอร์เพียงอย่างเดียว มาเป็นศึกษาการลงทุนควบคู่กันไป เหล่านี้คือมุมมองบวกที่เกิดขึ้น ท่ามกลางความท้าทายในธุรกิจที่มีเพิ่มขึ้น
ดังนั้น กลยุทธ์ภายใต้ การแข่งขันสูงของธุรกิจหลักทรัพย์ ภายใต้รายได้ค่าธรรมเนียมที่ได้จากธุรกิจที่ต่ำลงเรื่อยๆ การที่จะทำให้บริษัทยังคง “รักษา”การเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ สิ่งที่สำคัญคือ บริษัทต้องมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และตอบโจทย์ทุกความต้องการลงทุนของนักลงทุนได้ ที่สำคัญ การให้บริการของบริษัทต้อง “One Stop Service” ที่ต้อง “รวมทุกสิ่งครบ จบในที่เดียว” ครบวงจร
ไม่ว่าจะการให้คำปรึกษาธุรกิจรายย่อย ที่ต้องการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หรือการให้คำแนะนำกับบริษัทที่ต้องการนำหุ้นเข้าตลาด ต้องการซื้อตราสารหนี้ หรือการให้คำปรึกษานักลทุนต่างประเทศ
“ภายใต้แรงกดดันจากค่าคอม ในธุรกิจหลักทรัพย์ ในการให้บริการรายย่อย ที่ลดลงเรื่อยๆ แต่เราก็ยังสามารถเติบโตอยู่ได้ในธุรกิจนี้ เพราะสิ่งที่เรายึดถือเสมอมา และบอกกับทีมงานเราคือ ตลาดนี้ เป็นตลาดของคนที่ต้องรู้จริง รู้ลึก ต้องมีข้อมูลที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ต้องรู้ตลาด มีการวิเคราะห์อย่างเชี่ยวชาญ ทำให้ลูกค้าบางคนอาจยอมเสียค่าธรรมเนียมสูงหากเขาได้มากกว่า ที่สำคัญ ต้องจริงใจกับลูกค้า สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราฝ่าพายุลูกนี้ไปได้”
กรณ์ กล่าวอีกว่า ธุรกิจที่จะเข้ามาเสริมรายได้บริษัทมากขึ้น คือ ธุรกิจวานิชธนกิจ ในการให้คำปรึกษานำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ การให้คำปรึกษาในการซื้อขายตราสารหนี้ รวมถึง รายได้จากนักลงทุนต่างประเทศ ที่เริ่มเข้ามาซื้อขายกับบริษัทมากขึ้น เหล่านี้คือธุรกิจที่โดดเด่นมากขึ้น ที่จะสร้างรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มเติมในอนาคต
รวมถึงการ “ปรับตัว”ของบริษัทไปสู่ทิศทางออนไลน์มากขึ้น ทั้งการพัฒนาแพลตฟอร์มการเทรด พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนรุ่นใหม่
ดังนั้นเป้าหมายของเราคือ “รักษา”การเติบโตของบริษัท รักษาส่วนแบ่งการตลาดหรือมาร์เก็ตแชร์ในธุรกิจหลักทรัพย์ให้ติด 1 ใน 5 ของระบบ จากปัจจุบันที่บริษัทมีมาร์เก็ตแชร์ในตลาดราว 6-7% ให้ยังคงอยู่อย่างต่อเนื่องต่อไป และในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า มีแผนนำบริษัท เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย
“วันนี้ ranking เรายืนอยู่ท็อป 5 ของตลาด และเราตั้งเป้าที่จะรักษาการยืนระดับนี้ต่อไป ธุรกิจเดิมที่เป็นธุรกิจรีเทลเดิม พอร์ตลูกค้ารายย่อยก็ต้องรักษา ควบคู่ไปกับการเพิ่มพอร์ตลูกค้าใหม่ๆ ทั้งบริษัท นักลงทุนต่างชาติ โดยการเอาระบบเทคโนโลยีใหม่เข้ามาช่วย ซึ่งหากเราตามแผนนี้ได้จะทำให้เราเติบโตได้อย่างมั่นคงมากขึ้นในระยะข้างหน้า และใน 2-3 ปีข้างหน้า เราคงพาตัวเอง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งอาจเห็นไซส์ของเราใหญ่กว่านี้สักหน่อย”
สุดท้ายแล้ว เชื่อว่า การเข้าอบรมหลักสูตร Wealth of Wisdom : WOW ทำให้ได้ประโยชน์มหาศาล โดยเฉพาะประสบการณ์ใหม่ๆ จากการพบปะผู้คน ในหลักสูตรที่ล้วนมีความรู้ และประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก ดังนั้นเหล่านี้จะทำให้เกิดการต่อยอดจากการเรียนรู้ ทั้งประสบการณ์ ต่อยอดความเป็นมิตรภาพอย่างไม่จบสิ้น!