ธนารักษ์เตรียมประกาศเกณฑ์ใหม่ค่าเช่าที่เชิงพาณิชย์
กรมธนารักษ์เตรียมประกาศเกณฑ์ใหม่ค่าเช่าที่ดินเชิงพาณิชย์ ยึดหลักคำนวณจากพื้นที่ใช้จริงจากเดิมคำนวณเป็นรายแปลง ชี้สร้างความเป็นธรรมกับกรม และผู้เช่า โดยจะนำมาใช้กับผู้เช่ารายใหม่ และในรายที่หมดสัญญา
นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างปรับปรุงหลักเกณฑ์ราคาค่าเช่าที่ดิน เชิงพาณิชย์ครั้งใหม่ โดยหลักในการปรับปรุงคือ จะต้องสร้างความเป็นธรรมกับกรมฯ และผู้เช่า โดยจะคำนวณจากการใช้พื้นที่จริง ไม่ได้คิดแบบรวมแปลง และจะต้องนำราคาประเมินที่ดินที่ได้มีการปรับปรุงแล้วมาคิดคำนวณด้วย ซึ่งขณะนี้ หลักเกณฑ์ในการปรับปรุงราคาค่าเช่าที่ดินเชิงพาณิชย์ใกล้จะแล้วเสร็จโดยจะนำไปใช้กับผู้เช่ารายใหม่ และ ในรายที่หมดสัญญาเช่ากับกรมฯ
“ปัจจุบันเราใช้ประกาศกรมฯ เลขที่ 683 ปี 2562 ในการคิดราคาค่าเช่า แต่ขณะนี้ เรากำลังปรับ หลักในการปรับคือ ดูจากราคาประเมิน และเป็นธรรมในการประเมินกับเรา และผู้เช่า ทั้งนี้ ในสัญญาเช่า เราเขียนไว้แล้วว่า เราจะปรับราคาค่าเช่าในทุก 3 ปี หรือ 9 ปี ซึ่งจะทยอยปรับไปเรื่อย คนที่อยู่ระหว่างสัญญากับเรา เราจะไม่ไปกระทบเขาเลย ต้องรอให้ครบสัญญาก่อน ประกาศนี้จะใช้กับคนที่ทำสัญญาใหม่ หรือ คนที่ขอสิ้นสุดสัญญาด้วยเหตุอะไรก็ตาม และขอใหม่ จะถูกปรับใหม่”
ส่วนเอกชนที่เช่าที่ดินเชิงพาณิชย์รายใดที่จะต้องถูกปรับอัตราค่าเช่าใหม่จะมีจำนวนเท่าไรนั้น กรมฯ อยู่ระหว่างการตรวจสัญญา ขณะนี้ ยังตอบไม่ได้ แต่หากรายใดครบสัญญาแล้ว จะถูกปรับปรุงค่าเช่าตามหลักเกณฑ์ใหม่ทันที่ อย่างไรก็ดี หลักในการประเมินค่าเช่านั้น จะอ้างอิงกับราคาประเมินที่ดินใหม่ด้วยซึ่งราคาประเมินที่ดินรอบใหม่หรือระหว่างปี 2566-2569 นั้น กรมฯ คิดจากฐานราคาประเมินที่ดินในปี2559 - 2562 ซึ่งเป็นฐานราคาประเมินที่ไม่ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นมากนัก หรือเฉลี่ยราว 6.84% ดังนั้น จึงเป็นราคาประเมินที่ถือว่า อยู่ในระดับไม่สูง
“ขณะนี้ เราใช้ฐานราคาประเมินที่ดินในปี 62 ซึ่งถือว่า ยังต่ำ จะเห็นว่า ราคาประเมินขึ้นเพียง 6.84% เท่านั้นเอง ไม่ได้ห่างมาก บางที่ยังลด แต่เราก็เอามาตรฐานมาจับมากขึ้น และนำมาปรับปรุงระหว่างปีเนื่องจาก บางส่วนที่ดินเอกชน หรือราชพัสดุ ในระหว่างทางอาจใช้เทคโนโลยีคนละอย่างมาจับ ก็อาจจะพลาด ทำให้ราคาเปลี่ยนแปลง เราก็ต้องปรับปรุงตลอด ซึ่งเราปรับทุกปี”
สำหรับนโยบายของพรรคก้าวไกลที่จะมีการปรับปรุงเรื่องการจัดเก็บภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างนั้น เขากล่าวว่า ในส่วนของกรมฯ นั้น จะมีขอบข่ายอำนาจในการประเมินราคาที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเป็นฐานในการคำนวณภาษี ซึ่งฐานตัวนี้ ได้ปรับเปลี่ยนมาใช้ในรอบปีบัญชี 2566-69 เรียบร้อยแล้ว ฉะนั้น ในส่วนการใช้ภาษีในฐานของเรานั้น ไม่มีปัญหา โดยคนที่เก็บภาษีคือ ท้องถิ่น ดังนั้น เราจึงไม่มีส่วนที่จะเปลี่ยนแปลงตามนโยบาย ซึ่งเราเป็นตัวกลางในการกำหนดราคาประเมินเท่านั้น
อธิบดีกรมธนารักษ์ยังกล่าวด้วยว่า คาดว่า ทั้งปีจะจัดเก็บได้ตามเป้าหมายที่ 8.9 พันล้านบาท โดยในช่วง7 เดือน (ต.ค.65 - เม.ย.66) กรมฯ จัดเก็บได้แล้ว 7.5 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นรายได้ที่ได้จากการให้เช่าที่ดินเชิงพาณิชย์รายใหญ่ อาทิ จากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) เอ็นที บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งยังมีรายได้จาก บริษัท วงษ์สยาม ที่ต้องจ่ายค่าแรกเข้าในวันทำสัญญาสัมปทานน้ำภาคตะวันออก วงเงินรวม 1.45 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้ จ่ายเกือบครบแล้ว เหลืออีกเพียง 170 ล้านบาท เท่านั้น ซึ่งจะจ่ายทันทีเมื่อการส่งมอบทรัพย์สินครบสมบูรณ์
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์