ทีเอ็มบีธนชาต คว้าอันดับหนึ่ง ธนาคารไทย ด้าน ESG 4 ปีซ้อน

ทีเอ็มบีธนชาต คว้าอันดับหนึ่ง ธนาคารไทย ด้าน ESG 4 ปีซ้อน

ทีเอ็มบีธนชาต มุ่งเติบโตอย่างยั่งยืนทุกมิติ เดินหน้ารับรางวัลต่อเนื่อง ล่าสุดครองอันดับหนึ่งธนาคารไทยด้าน ESG เป็นปีที่ 4 พร้อมคว้ารางวัลพัฒนาการสูงสุด 5 ปี จากผลการประเมิน Fair Finance Thailand

       ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ประกาศความสำเร็จ มุ่งเติบโตอย่างยั่งยืนทุกมิติ เดินหน้ารับรางวัลต่อเนื่อง ล่าสุดครองอันดับหนึ่งธนาคารไทยที่มีคะแนนรวม ESG สูงสุดเป็นปีที่ 4 จากการประเมินโดยแนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย (Fair Finance Thailand) ปี 2565

     ซึ่งโดดเด่นในหมวด “สิทธิมนุษยชน” หมวด “การคุ้มครองผู้บริโภค” และหมวด “สุขภาพ” โดยทีทีบีเป็นธนาคารแห่งเดียวที่มีการตั้งเป้าหมายการให้สินเชื่อแก่อุตสาหกรรมยาสูบเป็นศูนย์ภายในปี 2566 พร้อมกันนี้ ธนาคารยังได้รับรางวัลพัฒนาการสูงสุด 5 ปี พ.ศ.2561-2565 ตอกย้ำในการขับเคลื่อนองค์กรสู่การธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Banking) อย่างแท้จริง 

        นายปิติ  ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ธนาคารมุ่งสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนอย่างสมดุลในทุกมิติ โดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านธุรกิจ (Business Sustainability) พร้อมเชื่อมโยงไปกับการดำเนินงานตามหลัก ESG ผ่านการส่งมอบผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งลูกค้าระดับบุคคลและธุรกิจ

          และจากการได้รับรางวัลธนาคารที่มีผลคะแนนด้าน ESG สูงสุดเป็นอันดับ 1 ติดต่อกัน 4 ปี จากการประเมินโดย Fair Finance Thailand สะท้อนชัดถึงความมุ่งมั่น ความตั้งใจจริง และความเชื่อเดียวกันของทุกภาคส่วนในองค์กร ตั้งแต่คณะกรรมการ และผู้บริหาร รวมถึงพนักงานที่ร่วมกันผลักดันสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจของธนาคารในการพัฒนา และทำให้เห็นว่าความยั่งยืนไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป 

        เรื่องความยั่งยืนเป็นทิศทางของโลกมาหลายปีแล้ว และเป็นเรื่องที่หลายๆ อุตสาหกรรมต้องให้ความสำคัญ สำหรับธนาคารนั้นถูกมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจต่าง ๆ เพราะเป็นแหล่งเงินทุน หากธนาคารมีเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจที่ไม่ดีก็จะส่งผลกระทบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม

         เราจึงต้องวางเกณฑ์ความเสี่ยงด้าน ESG ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลควบคู่กับการสนับสนุนธุรกิจที่มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยทีทีบีได้วางกรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนมาตั้งแต่ 4-5 ปีแล้ว

      ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม(Environmental) และสังคม (Social) ที่ค่อนข้างแข็งแรงมาก สิ่งที่ธนาคารจะก้าวต่อไปในอนาคตคงหนีไม่พ้นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะเข้าไปช่วยในเรื่องการให้สินเชื่อเพื่อปรับเปลี่ยนธุรกิจให้ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ควบคู่ไปกับการทำให้ทุกคนมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง เพราะเชื่อว่าจะเป็นการสร้างความยั่งยืนในระยะยาวได้

       นายกมลพันธ์  ลักษณา หัวหน้าการพัฒนาที่ยั่งยืน ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า “ธนาคารมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวกับ ESG เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนลูกค้าที่ประกอบกิจการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมองเห็นโอกาสสำคัญทางธุรกิจ

         ซึ่งทีทีบีเป็นธนาคารแห่งแรกที่ออกตราสารหนี้สีเขียว (Green Bond) และตราสารหนี้สีฟ้า (Blue Bond) นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงรายการสินเชื่อต้องห้าม (Exclusion List) อาทิ อุตสาหกรรมที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเหมืองถ่านหิน โรงไฟฟ้าถ่านหิน และอุตสาหกรรมยาสูบ

        รวมถึงออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability Linked-loan) และลดการสนับสนุนสินเชื่อแก่ลูกค้าที่ดำเนินการธุรกิจอันก่อให้เกิดผลต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่น ธุรกิจที่ปล่อยคาร์บอนสูง อีกทั้งช่วยลูกค้าผ่านบริการทางการเงินต่างๆ อย่างการรวบหนี้ให้ลูกค้าเพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้สินในภาพรวม และทำให้ทุกคนเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้นจากการปลดล็อกเกณฑ์ความเสี่ยงเปิดให้เพศเดียวกันสามารถกู้ร่วมกันได้ โดยธนาคารพร้อมปรับเปลี่ยนเพื่อพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนและทุกบริบทของการเปลี่ยนแปลง” 

        โดยที่ผ่านมาทีทีบีได้รับรางวัลด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ทั้งผู้บุกเบิกพันธบัตรสีเขียว สาขาประเทศใหม่ที่นำพันธบัตรสีเขียวออกสู่ตลาดใหม่ จาก The 4th Green Bond Pioneer Awards และตอกย้ำอีก 2 รางวัล ได้แก่ Best Issuer for Sustainable Finance Thailand จากการที่ธนาคารส่งเสริมและสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อความยั่งยืน

        และรางวัล Best Blue Bond จากการออกตราสารหนี้สีฟ้าหรือตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนทางทะเล ซึ่งเป็นธนาคารแห่งแรกของประเทศไทย จากเวทีระดับโลก The Asset Triple A Country Awards for Sustainable Finance 2022 จัดโดย The Asset นิตยสารการเงินชั้นนำแห่งเอเชีย

        ตลอดจนได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในดัชนีวัดความเสมอภาคทางเพศของบลูมเบิร์ก (Gender-Equality Index-GEI) ในปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากนโยบายส่งเสริมความเท่าเทียมที่ชัดเจนและการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส

       “ล่าสุดทีทีบีได้รับรางวัลธนาคารที่มีผลประเมินคะแนนด้าน ESG สูงสุดเป็นอันดับ 1 จาก Fair Finance Thailand ด้วยคะแนนรวมที่ 55.33 คะแนน จาก 130 คะแนน หรือ 42.56% ซึ่งมีคะแนนโดดเด่นสูงสุด 73.33% ในหมวด “สิทธิมนุษยชน” จากวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง ยอมรับความแตกต่างที่หลากหลาย และเปิดโอกาสอย่างเทียบเท่า พร้อมประกาศว่าธนาคารเคารพในสิทธิมนุษยชนตามหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษย์ขององค์การสหประชาชาติ และไม่ยอมรับการเลือกปฏิบัติทุกรูปแบบในกระบวนการจ้างงาน และในการปฏิบัติงาน และคะแนน 68.42% ในหมวด “คุ้มครองผู้บริโภค” จากนโยบายและการจัดการข้อร้องเรียนของลูกค้าอย่างเป็นขั้นตอน รวมถึงมีโครงการอบรมพนักงานในประเด็นสิทธิผู้บริโภค นโยบายคุ้มครองผู้บริโภค ตลอดจนการอบรมพนักงานเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ เพื่อนำเสนอบริการทางการเงินแก่ลูกค้า เป็นต้น นอกจากนี้ในหมวด “สุขภาพ” ทีทีบียังเป็นธนาคารเพียงแห่งเดียวที่มีการตั้งเป้าหมายการให้สินเชื่อแก่อุตสาหกรรมยาสูบเป็นศูนย์ภายในปี 2566 ด้วยการนำสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยาสูบตั้งแต่การปลูก การผลิต การค้ายาสูบ และผลิตภัณฑ์ยาสูบออกจากพอร์ตของธนาคาร เพราะเห็นว่ามีผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม” นายกมลพันธ์ กล่าวเพิ่มเติม  

       ปิติ กล่าวว่า การประเมินผลด้าน ESG ของธนาคารไทย โดย Fair Finance Thailand ค่อนข้างเจาะลึกและเข้มข้น มีหลายเรื่องทำได้ยากแต่ธนาคารเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำเพราะมีผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

     ซึ่งการได้รับรางวัลธนาคารที่มีผลคะแนน ESG สูงสุดเป็นอันดับ 1 ติดต่อกัน 4 ปี และรางวัลพัฒนาการสูงสุด 5 ปีต่อเนื่อง ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนองค์กรสู่การธนาคารเพื่อความยั่งยืนอย่างแท้จริง

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์