จีนลดดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุนหุ้นจีนฟื้นตัว
จับตา "ตลาดหุ้นจีน" ที่กำลังเหมือนจะไปได้ดีในช่วงแรก แต่กลับชะลอตัวลง ทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่าจะกลับมาดีเหมือนก่อนเกิด COVID-19 หรือไม่? หรือจะส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนเริ่มปรับตัวลดลงแรงหลังจากนั้น
สาเหตุที่เศรษฐกิจจีนยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนนอกจากปัญหาต่อเนื่องจากการปิดเมือง และมาตรการ Zero COVID ที่มีมาอย่างยาวนานแล้ว ยังมีสาเหตุมาจากปัญหาอื่นๆ อีก ดังนี้
- วิกฤติหนี้ตลาดอสังหาฯ ที่มาพร้อมกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาฯ จีนเติบโตอย่างร้อนแรงจากความต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน จนทางการจีนต้องออกมาตรการควบคุมการก่อหนี้ใหม่ด้วยนโยบาย "Three Red Lines" ทำให้เกิดวิกฤติหนี้ครั้งใหญ่ของ Evergrande ที่สร้างความบอบช้ำในวงกว้าง ในขณะที่กำลังซื้อในประเทศชะลอลงจากการขาดความเชื่อมั่น ทำให้บางส่วนเริ่มผิดนัดชำระหนี้ หรือเลือกหยุดชำระหนี้ชั่วคราว โดยถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลจีนจะออกมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ภาคอสังหาฯ ที่ยังไม่ฟื้นตัวก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันเศรษฐกิจจีน
- ความขัดแย้งกับสหรัฐ ในหลายประเด็น จากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศที่มีความยืดเยื้อระหว่าง จีน-สหรัฐ ความขัดแย้งระหว่างจีน-ไต้หวัน รวมถึงวิกฤตการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย ที่จีนมีสัมพันธ์ด้านการทหาร และยุทธศาสตร์ที่ดีกับทางรัสเซียแต่ก็เป็นคู่ค้าสำคัญของยูเครน ส่งผลมายังเศรษฐกิจจีนเช่นกัน โดยความพยายามในการใช้มาตรการแบนการส่งออกสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐและชาติพันธมิตร โดยเฉพาะสินค้าที่นำมาใช้ในการผลิตชิป ถือเป็นอีกหนึ่งแรงกดดันที่มีต่อเศรษฐกิจจีน
เศรษฐกิจจีนและการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2023
แน่นอนว่าทางการจีนไม่ยอมให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ที่ผ่านมาจีนมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มด้วยการปรับลด RRR ในอัตรา 0.25% ของธนาคารกลางจีน (PBoC) ในเดือนมีนาคม เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจ และในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ทางการจีนได้ข้อความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น Bank of China, Industrial & Commercial Bank of China และ Bank of Communication ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงอย่างน้อย 0.05% และ 0.1% ซึ่งได้รับความร่วมมือจากธนาคารต่างๆ เป็นอย่างดี
ล่าสุด ในสัปดาห์ที่ผ่านมา PBoC ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก โดยปรับลด Repo Rate 7 วัน ลง 10 bps จากระดับ 2.0% สู่ระดับ 1.9% นับเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 10 เดือน นอกจากนี้ยังประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น (SLF) ซึ่งเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนสภาพคล่องสำหรับสถาบันการเงินลงอีก 10 bps และปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย Medium-term lending rates (MLF) จากระดับ 2.75% สู่ระดับ 2.65% อีกด้วย โดยอัตราดอกเบี้ย MLF ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ทางการจีนใช้ในการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบธนาคารเพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ที่มา : Bloomberg
การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหญ่ในครั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดหวังว่าจะทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศของจีนเริ่มฟื้นตัวได้ดีและกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า PBoC อาจจะปรับลด RRR สำหรับธนาคารรายใหญ่ลง 0.25% ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีการปรับลดในไตรมาส 4 ซึ่งถ้าหากเป็นไปตามคาด ก็จะส่งผลให้ RRR ถูกปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 10.50% จากระดับ 10.75%
ความน่าสนใจของ valuation ในตลาดหุ้นจีน
หากพิจารณาจาก HSCEI Index ข้อมูลปัจจุบันจาก Bloomberg พบว่า Forward P/E 12 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ราว 9 เท่า เท่านั้น เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ระดับ 10.1 เท่า ถือว่ามีราคาค่อนข้างถูกมาก และจากการศึกษาในอดีตช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นจีนมักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่นักวิเคราะห์ปรับการคาดการณ์ EPS ขึ้น ดังนั้นหากการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีนในครั้งนี้ ส่งผลให้นักวิเคราะห์ปรับประมาณการ EPS ของบริษัทจีนขึ้นอีก น่าจะทำให้ตลาดหุ้นจีนมีความน่าสนใจมากขึ้นและสามารถปรับตัวขึ้นต่อไปได้
ที่มา : Bloomberg, Goldman Sachs, CNBC
ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมา และพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสม และรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยง และเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0-2633-6000 กด 4, 0-2080-6000 กด 4 และ tiscoasset หรือแอปพลิเคชัน TISCO My Funds