ทำสัญญาเช่า ซื้อขาย กู้ยืม ต้องติด 'อากรแสตมป์' ให้ถูกต้อง
ทำความเข้าใจ "อากรแสตมป์" สำคัญอย่างไร? ทราบหรือไม่ ในทุกการให้เช่า ซื้อขาย หรือกู้ยืม หากมีการ "ทำสัญญา" เพื่อให้มีผลในทางกฎหมาย ต้อง "ติดอากรแสตมป์" ด้วยทุกครั้ง
ไม่ว่าใครที่มีการเช่า ซื้อขาย หรือกู้ยืม ต้องมีการ "ทำสัญญา" เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกต้อง และมีผลในทางกฎหมาย ซึ่งเอกสารในการทำสัญญาก็จะต้องติดอากรแสตมป์ด้วยทุกครั้ง หรือภาษาทางการเรียกว่า “ตราสาร”
- 28 ลักษณะ "ตราสาร" ที่ต้องติดอากรแสตมป์
สำหรับการทำสัญญา หรือภาษาทางการเรียกว่า “ตราสาร” เพื่อให้มีผลทางกฎหมายนั้น ปัจจุบันมีทั้งหมด 28 ลักษณะตราสาร ที่กฎหมายบังคับให้ต้องติดอากรแสตมป์ ดังนี้
1.เช่าที่ดิน โรงเรือน สิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นหรือแพ
2.โอนใบหุ้น ใบหุ้นกู้ พันธบัตรและใบรับรองหนี้ ซึ่งบริษัท สมาคม คณะบุคคลหรือองค์การใดๆ เป็นผู้ออก
3.เช่าซื้อทรัพย์สิน
4.จ้างทำของ
5.กู้ยืมเงิน หรือการตกลงให้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร
6.กรมธรรม์ประกันภัย
7.ใบมอบอำนาจ
8.ใบมอบฉันทะสำหรับให้ลงมติ
9.ตั๋วแลกเงินหรือตราสารทำนอวเดียวกับที่ใช้อ่างตั๋วแลกเงิน และตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตราสารทำนองเดียวกับที่ใช้อย่างตั๋วสัญญาใช้เงิน
10.บิลออฟเลดิง
11.ใบหุ้น หรือใบหุ้นกู้ หรือใบรับรองหนี้ของบริษัท สมาคม คณะบุคคล หรือองค์การใดๆ และพันธบัตรของรัฐบาลใดๆ ที่ขายในประเทศไทย
12.เช็ค หรือหนังสือคำสั่งใดๆ ซึ่งใช้แทนเช็ค
13.ใบรับฝากเงินประเภทประจำของธนาคารโดยมีดอกเบี้ย
14.เลตเตอร์ออฟเครดิต
15.เช็คสำหรับผู้เดินทาง
16.ใบรับรอง
17.ค้ำประกัน
18.จำนำ
19.ใบรับของคลังสินค้า
20.คำสั่งให้ส่งมอบของ
21.ตัวแทน
22.คำชี้ขาดของอนุญาโตลาการ
23.คู่ฉบับหรือคู่ฉีกแห่งตราสาร
24.หนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทจำกัดที่ส่งต่อนายทะเบียน
25.ข้อบังคับของบริษัทจำกัดที่ส่งต่อนายทะเบียน
26.ข้อบังคับใหม่หรือสำเนาหนังสือบริคณห์สนธิหรือข้อบังคับของบริษัทจำกัด ซึ่งเปลี่ยนแปลงใหม่ที่ส่งต่อนายทะเบียน
27.หนังสือสัญญาห้างหุ้นส่วน
28.ใบรับ
โดยเอกสารทั้งหมดนี้ ต้องปิดอากรแสตมป์และขีดคร่อมด้วย จึงจะถือว่าเป็นเอกสารสัญญาที่สมบูรณ์
- ใครมีหน้าที่เสียอากรแสตมป์บ้าง
สำหรับเอกสารสัญญาที่มีการจัดทำขึ้น ต้องติดอากรแสตมป์ด้วยทุกครั้ง ซึ่งผู้ที่มีหน้าที่ต้องเสียอากรแสตมป์นี้จะประกอบไปด้วย
1.บุคคลที่ระบุไว้ในช่องที่ 3 ของบัญชีอัตราอากรแสตมป์
2.ถ้าตราสารทำขึ้นนอกประเทศ ให้เป็นหน้าที่ของผู้ทรงตราสารคนแรกในประเทศเป็นผู้เสียอากรภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับตราสารนั้น ถ้าหากไม่ได้ปฏิบัติตามความข้างต้น ผู้ทรงคนใดคนหนึ่งต้องเสียอากรแล้ว จึงยื่นตราสารเพื่อให้จ่ายเงิน รับรอง สลักหลัง โอนหรือถือเอาประโยชน์ได้
ผู้ทรงตราสารคนใด ได้ตราสารความข้างต้นไว้ในครอบครองก่อนพ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับตราสารนั้น จะเป็นผู้เสียอากรก็ได้โดยมีสิทธิไล่เบี้ยจากผู้ทรงคนก่อนๆ
3.ตั๋วเงินที่ยื่นให้ชำระเงิน ไม่ได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ผู้รับตั๋วจะเสียอากรและใช้สิทธิไล่เบี้ยจากผู้มีหน้าที่เสียอากร หรือหักค่าอากรจากเงินที่จะชำระก็ได้
4.ผู้มีหน้าที่เสียอากร ตามที่ระบุไว้ในบัญชีอัตราอากรแสตมป์ อาจตกลงให้คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นผู้เสียอากรแทนตนก็ได้ เว้นแต่กรณีตามข้อ 2
- อัตราอากรแสตมป์
ผู้จัดทำเอกสารสัญญาจะต้องปิดอากรแสตมป์ในอัตราที่แตกต่างกันตามประเภทสัญญาที่ทำ เช่น
- เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า มีการจัดทำสัญญาให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ เช่น เช่าที่ดิน โรงเรือน สิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นหรือแพ ผู้ให้เช่ามีหน้าที่ติดอากรแสตมป์ ในอัตราภาษี คือมูลค่าสัญญาเช่า 1,000 บาท ติดอากรแสตมป์ 1 บาท
- การจ้างทำของ ยกเว้นสัญญาที่ทำขึ้นนอกประเทศไทยและการปฏิบัติตามข้อสัญญานั้นไม่ได้ทำในประเทศไทย ผู้รับจ้างมีหน้าที่เสียค่าอากรแสตมป์ 1 บาทต่อจำนวนเงิน 1,000 บาท หรือเศษของเงิน 1,000 บาท แห่งสินจ้างที่กำหนดไว้
- กู้ยืมเงิน ผู้ให้กู้มีหน้าที่เสียค่าอากรแสตมป์ 1 บาทต่อจำนวนเงิน 2,000 บาท หรือเศษของเงิน 2,000 บาท แห่งยอดเงินที่กู้ยืม ค่าอากรตามลักษณะแห่งตราสารนี้ เมื่อคำนวณแล้วถ้าเกิน 10,000 บาท ให้เสีย 10,000 บาท
โดยสามารถตรวจสอบอัตราอากรแสตมป์ได้จากบัญชีอัตราอากรแสตมป์
- วิธีการเสียภาษีอากรแสตมป์
1.แสตมป์ปิดทับ ปิดแสตมป์ทับกระดาษก่อนกระทำหรือในทันทีที่ทำตราสาร
2.แสตมป์ดุน ใช้กระดาษมีแสตมป์ หรือยื่นตราสารให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประทับแสตมป์ดุนและชำระเงิน
3.ชำระเป็นตัวเงิน ใช้แบบของและอนุมัติให้เสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน อ.ส.4 ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อากรแสตมป์ โดยแนบตราสารที่ขอเสียอากรไปด้วย และให้ยื่นต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา
พร้อมกับทำการขีดฆ่าอากรแสตมป์ เพื่อไม่ให้ใช้แสตมป์ได้อีก โดยหากเป็นกรณีแสตมป์ปิดทับ ได้ลงลายมือชื่อหรือลงชื่อห้างร้านบนแสตมป์ หรือขีดเส้นคร่อมฆ่าแสตมป์ที่ปิดทับกระดาษ และลงวัน เดือน ปี ที่กระทำสิ่งเหล่านี้ด้วย
ในกรณีแสตมป์ดุนได้เขียนบนตราสารหรือยื่นตราสารให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประทับแสตมป์ดุน ให้แสตมป์ปรากฏอยู่ในด้านหน้าของตราสารนั้น
สรุป
ทั้งนี้ กรณีใครได้มีการเสียค่าอากรหรือค่าเพิ่มอากรเกินไปไม่น้อยกว่า 2 บาท สำหรับตราสารลักษณะเดียวหรือเรื่องเดียว สามารถส่งคำร้องเป็นหนังสือยื่นต่อเจ้าหน้าที่ภายใน 6 เดือน นับแต่วันเสียอากรหรือค่าเพิ่มอากร และหากอธิบดีเห็นว่าเสียเกินไปจริงก็จะคืนค่าอากรหรือค่าเพิ่มอากรที่เกินไปแก่ผู้เสียอากร
แต่ในทางกลับกัน หากเอกสารสัญญาหรือตราสารใดไม่ปิดแสตมป์และขีดฆ่าอากรให้สมบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ จนกว่าจะได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนอัตราในบัญชีท้ายหมวดอากรแสตมป์ และขีดฆ่าแล้ว แต่ทั้งนี้พนักงานเจ้าหน้าที่ยังมีสิทธิที่จะเรียกเงินเพิ่มอากร
----------------------------------
อ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับภาษีเพิ่มเติม คลิกที่นี่
Source : Inflow Accounting