DCA ตัวช่วยการลงทุนเพื่อเป้าหมาย ในสไตล์ของคุณ

ก็คือการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีตามอัตภาพ มากน้อยก็แล้วแต่ความต้องการ ซึ่งในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวนี้ ไม่ว่าจะเป็นการมีบ้าน มีรถ มีเงินใช้ยามเกษียณ ก็ต้องอาศัยการเก็บออม และนำเอาเงินออมมาลงทุนให้เกิดดอกผลเติบโตต่อเนื่อง

ทำให้มีเงินหรือความมั่งคั่งตามที่ต้องการได้ แต่ในเรื่องของการออมและการลงทุนนั้น มนุษย์เงินเดือนส่วนมากที่ไม่ได้มีฐานะมั่งคั่งนั้นก็อาจคิดว่าทำได้ค่อนข้างยาก ดังนั้น ในบทความนี้ จึงอยากจะพูดถึงแนวคิดของการทยอยลงทุน ไม่จำเป็นต้องรอจนกระทั่งมีเงินออมเป็นก้อนแล้วค่อยมาลงทุน แต่จะทำได้สำเร็จหรือไม่นั้นก็ขึ้นกับแต่ละบุคคลที่จะต้องสร้างวินัยในการออมและการลงทุนอย่างสม่ำเสมอด้วย

การทยอยลงทุน ที่เรียกว่า Dollar Cost Average หรือเรียกย่อๆ ว่า DCA เป็นแนวคิดที่ไม่ได้อาศัยความรู้ว่าแนวโน้มทิศทางราคาสินทรัพย์จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด หรือต้องจับจังหวะการลงทุนให้ถูกต้อง ซึ่งการคาดการณ์การลงทุนเช่นนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากสำหรับมือใหม่ ในทางตรงข้าม การทยอยลงทุนหรือ DCA นั้นคือการซื้อหลักทรัพย์โดยไม่ต้องใช้เงินก้อน แต่ทยอยลงทุนในหลักทรัพย์เดียวกันนั้นอย่างสม่ำเสมอเท่ากันทุกๆ งวด สำหรับคนทำงานส่วนใหญ่ก็อาจเป็นเดือนละครั้ง

การลงทุนแบบ DCA นั้นมีประโยชน์อย่างมากสำหรับคนที่ต้องการลงทุนแต่ไม่มีเงินก้อน ช่วยสร้างวินัยการลงทุน และตัดปัญหาความกังวลเรื่องจังหวะการเข้าซื้อที่มักจะมีการใช้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น ในช่วงตลาดขาขึ้น ผู้ลงทุนก็อาจจะชะลอการซื้อเพราะคิดว่าราคาค่อนข้างสูง อยากรอให้ราคาปรับลดลงค่อยซื้อจะเหมาะกว่า หรือในสภาวะตลาดขาลงก็อาจไม่ซื้อเพราะเกรงว่าราคาจะปรับลดลงไปอีก เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้ในที่สุดไม่สามารถลงทุนได้ตามที่วางแผนไว้ ในทางตรงข้าม หากลงทุนแบบ DCA 

โดยกำหนดวันที่จะซื้อไว้ล่วงหน้า เช่น ทุกวันที่ 5 ของเดือน เป็นต้น และทำการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในสภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง ทำให้ในระยะยาวราคาต้นทุนก็จะเป็นราคาเฉลี่ยทั้งจากช่วงตลาดขาขึ้นและขาลง ในปัจจุบันบริษัทหลักทรัพย์มีเครื่องมือช่วยลงทุนแบบ DCA โดยผู้ลงทุนสามารถดำเนินการได้ทางออนไลน์แบบอัตโนมัติสำหรับทั้งหุ้นและกองทุน เพียงแค่ระบุหุ้นหรือกองทุนที่ต้องการลงทุน จำนวนเงินที่ต้องการลงทุนในแต่ละงวด ความถี่และระยะเวลาที่ต้องการซื้อ โปรแกรมก็จะจัดการทยอยลงทุนให้โดยอัตโนมัติ

แนวคิด DCA สามารถนำมาใช้กับหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้หลากหลาย โดยเริ่มต้นผู้ลงทุนอาจเริ่มทยอยลงทุนด้วยกองทุนอีทีเอฟ SET50 ซึ่งเป็นกองทุนที่พยายามสร้างผลตอบแทนแบบดัชนี SET50 เพื่อเป็นพื้นฐาน จากนั้นก็อาจเพิ่มเติมหลักทรัพย์ที่ช่วยกระจายการลงทุน เช่น หลักทรัพย์ที่อ้างอิงกับหุ้นต่างประเทศ ซึ่งในส่วนนี้อาจพิจารณา DRx ที่เป็นตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ 

โดยปัจจุบัน มี DRx ที่อ้างอิงกับหุ้นในสหรัฐ ได้แก่ Apple, Google, Microsoft, Nvidia หรือ Tesla ซึ่ง DRx นี้สามารถซื้อขายได้เป็นจำนวนบาทหรือเป็นสัดส่วนของหุ้นได้ จึงนับเป็นตัวช่วยในการกระจายพอร์ตลงทุนได้โดยสะดวกสำหรับ DCA

เพื่อให้เห็นภาพการลงทุนใน DCA มากขึ้นขอยกตัวอย่างเช่น หากผู้ลงทุนทยอยลงทุนใน DRx ที่อ้างอิงกับหุ้น Tesla ทุกเดือน เดือนละ 1,000 บาท ตั้งแต่ต้นปี รวม 5 เดือนแรก ใช้เงินลงทุนไปประมาณ 5,000 บาท โดยต้นทุนจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.26 บาท เป็นราคาเฉลี่ยจากที่ซื้อในช่วงต้นปีที่ 1.02 บาท และงวดสุดท้ายที่ 1.39 บาท และมีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันประมาณ 2,600 บาท (+52%) เนื่องจากราคาหุ้น Tesla ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

 ในขณะเดียวกัน หากเราใช้หลักการ DCA ทยอยลงทุนเดือนละ 1,000 บาท กับกองทุนที่ลงทุนในหุ้นใน SET50 ที่มีแนวโน้มลดลงในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จะพบว่าผู้ลงทุนก็จะขาดทุนประมาณ 157 บาท (-3.17%) จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าต้นทุนการลงทุนแบบ DCA จะมีต้นทุนเฉลี่ย และผลตอบแทนจะขึ้นกับทิศทางของราคาสินทรัพย์นั้นในระยะยาว ดังนั้น การเลือกหลักทรัพย์ในพอร์ตลงทุนแบบ DCA จึงควรเน้นที่พื้นฐานของหลักทรัพย์ รวมทั้งการกระจายการลงทุนไปในหลักทรัพย์ที่หลากหลาย ก็จะช่วยกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาวได้

สุดท้าย สำหรับผู้สนใจเริ่มลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะจัดงาน SET In the City ระหว่างวันที่ 8-9 ก.ค.นี้ ที่สามย่านมิตรทาวน์ โดยในงานจะมีการให้ความรู้และการแชร์ประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งในเรื่องของการตั้งเป้าหมาย การวางแผนลงทุน การคัดเลือกหลักทรัพย์ เครื่องมือออนไลน์ที่ใช้ในการลงทุน รวมถึง เทคนิคการลงทุนแบบ DCA และยังมีการเปิดตัวโปรโมชั่นสำหรับผู้ลงทุนใหม่ที่ซื้อขาย DRx ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.setinvestnow.com/DRx