นายกสมาคมฟินเทคเสนอรัฐบาลใหม่หนุนไทยเป็นฮับฟินเทคในภูมิภาค
นายกสมาคมฟินเทคเสนอรัฐบาลใหม่หนุนไทยเป็นฮับฟินเทคในภูมิภาค ชี้ไทยมีความพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน แนะคลัง-ดีอี เป็นเจ้าภาพ
สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจจัดโครงการพัฒนาศักยภาพผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจระดับสูง(พศส.)2566 หัวข้อเปิดโลกนวัตกรรมก้าวทันเทรนด์การเงินยั่งยืน โดยนายชลเดช เขมะรัตนา นายกสมาคมฟินเทคประเทศไทยได้กล่าวในหัวข้อบริการทางการเงินในโลกยุคฟินเทคและความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านฟินเทค โดยเขากล่าวว่า สมาคมเตรียมเสนอให้รัฐบาลใหม่สนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลาง Fintech ในภูมิภาค และเสนอให้กระทรวงการคลังและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี)เป็นเจ้าภาพ
เขากล่าวว่า ส่วนผสมที่ลงตัวสามประการของกรุงเทพที่เป็นข้อได้เปรียบเมืองอื่นในเอเชียคือ
1.โครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินที่แข็งแกร่ง ตลาดทุนมีสภาพคล่องสูง และบิริษัทจดทะเบียนมีการบริหารเพื่อความยั่งยืน
2.ความพร้อมของคนไทยในการใช้บริการด้าน Fintech ทั้งบริการที่มีอยู่เดิม และบริการที่คิดคันขึ้นมาใหม่
3.ทำเลที่ตั้งของกรุงเทพที่เป็นศูนย์กลางในภูมิภาค และมีเชียงใหม่กับภูเก็ตเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ
4.ความหลากหลายของการใช้ชีวิตในวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งรองรับทั้งการทำงานและการพักผ่อนหย่อนใจ
5.ความเป็นไทยที่เข้าได้กับทุกฝ่าย ประสานงานกับชาติไหนก็ได้ ลดความเสี่ยงด้าน Geopoltical Risk
เขากล่าวว่า ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันสร้าง Ecosystem ที่เอื้อต่อการเข้ามาตั้งสำนักงานและประกอบธุรกิจของบริษัท Fintech จากนานาชาติ เริ่มตั้งแต่การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแบบ Online One-stop Service ที่รวดเร็วและรองรับภาษาอังกฤษ การเปิดบัญชีธนาคารแบบ Online สำหรับนิติบุคคล ความสะดวกและข้อจำกัดที่น้อยลงสำหรับการจ้างงานชาวต่างชาติ บริการที่ปรึกษาด้านบัญชี กฎหมาย และใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่ เกี่ยวข้อง รวมทั้งการกำหนดพื้นที่ในกรุงเทพบริเวณใดบริเวณหนึ่งหรือกลุ่มอาคาร หรือถนนให้เป็น Fintech Hub หรือ Fintech Street ในเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่นี้ดึงดูดบริษัทด้าน Fintech และใช้เป็น Sandbox Zone
สำหรับการทดลองให้บริการด้านการเงินใหม่ ๆ มหาวิทยาลัยควรร่วมมือกับสถาบันการเงินเพื่อออกแบบหลักสูตรหรือวิชาสำหรับสร้างบุคลากรด้าน Fintech โดยเฉพาะในสาขาการเงิน บัญชีบริหารธุรกิจ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ และวิทยาการคอมพิวเตอร์
นอกจากนี้ ทุกภาคส่วนควรช่วยกันสนับสนุนด้านเงินลงทุน การให้ทุน สิทธิประโยชน์ด้านกาษี คำปรึกษาและความช่วยเหลืออื่นสำหรับบริษัทด้าน Fintechที่เป็นธรรมสำหรับทั้งบริษัทขนาดเล็กและขนาดใหญ่ทั้งสัญชาติไทยและต่างประเทศ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสื่อสารโครงการดังกล่าวไปยังกลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเทศ
สำหรับประโยชน์ของประเทศจะได้อะไรจากการเป็น Fintech Hub เขากล่าวว่า หากเราประสบความสำเร็จในการเชิญชวนบริษัทด้าน Fintech จากนานาชาติให้มาตั้งสำนักงานในไทยได้แล้ว ประโยชน์ทงตรงที่จะได้คือเป็นเงินลงทุนจากต่างประเทศและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น ในระยะกลางเราจะเป็นแหล่งรวมของบุคลากรชั้นนำด้าน Fintech ที่จะช่วยร้างเด็กรุ่นใหม่ในประทศ
ก้าวขึ้นมาเป็น Fintech Talent ในระดับโลกคนไทยที่ทำงานในต่างประเทศกับบริษัทชั้นนำมีโอกาสที่จะได้กลับมาทำงานที่บ้านเกิดเพื่อพัฒนประเทศในโอกาสต่อไป ในระยะยาว บริการด้าน Fintech ใหม่ ๆ จากบุคลากรและบริษัทเหล่านี้จะช่วยให้ประเทศแก้ Pain Points ที่สำคัญได้ เช่น หนี้สินภาคครัวเรือน หนี้นอกระบบ ความเหลื่อมล้ำด้านความมั่งคั่ง ความไม่พร้อมสำหรับการเกษียณ เป็นต้น ประโยชน์จากการเป็น Fintech Hub นี้จะมีส่วนช่วยสำคัญต่อทั้งนวัตกรรมทางการเงินและการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน