สร้างขุมทรัพย์ลงทุน ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นกิจการ

สร้างขุมทรัพย์ลงทุน ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นกิจการ

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนั้น ย่อมต้องเริ่มต้นจากการเป็นบริษัทเล็กๆ มีผู้ร่วมก่อตั้งเพียงไม่กี่คน ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น Social Media Application ที่เชื่อว่านักลงทุนเกือบทุกท่านใช้ในชีวิตประจำวันอย่าง Facebook

ก็เริ่มต้นจากนักศึกษามหาวิทยาลัย Harvard ที่ชื่อว่า Mark Zuckerberg และเพื่อนอีก 4 คน ร่วมกันสร้างขึ้นมา และในช่วงแรกมีเพียงแค่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยเป็นผู้ใช้งานเท่านั้น    จนปัจจุบัน Facebook มีผู้ใช้งานถึงเกือบ 3 พันล้านคน และล่าสุดได้เปลี่ยนชื่อเป็น Meta เจ้าของ Social Media อื่นๆ ที่เป็นที่นิยมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Instagram หรือ WhatsApp

แน่นอนว่าธุรกิจที่เติบโตดีเช่นนี้ ย่อมสร้างผลตอบแทนโดดเด่น ถ้าเริ่มลงทุนในหุ้น Meta ตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ปี 2012 จะได้ผลตอบแทนมากกว่า 600% แต่นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่านั้นหากได้ลงทุนตั้งแต่เริ่มต้น เพราะมูลค่าของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 1,172 เท่า ในช่วงก่อน IPO

จะเห็นได้ว่าการลงทุนในบริษัทก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือหุ้นนอกตลาดนั้นมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น ยิ่งไปกว่านั้น หากเริ่มลงทุนในบริษัทที่อยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยเลือกบริษัทที่พึ่งเริ่มมีผลิตภัณฑ์หรือบริการ และต้องการเงินทุนเพื่อนำไปทำการตลาด

พัฒนาผลิตภัณฑ์ เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต พัฒนาระบบของธุรกิจ หรือลงทุนเพิ่มเพื่อขยายธุรกิจ ก็ย่อมได้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนในธุรกิจที่มีความพร้อมด้านการเงินและมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอแล้ว โดยข้อได้เปรียบของการลงทุนในหุ้นนอกตลาดเมื่อเทียบกับหุ้นในตลาด มีดังนี้

                                       

 

  1. โอกาสลงทุนมีจำนวนมาก ในสหรัฐฯ มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 2,700 บริษัท แต่มีบริษัทนอกตลาดให้เลือกลงทุนถึงกว่า 11,000 บริษัท
  2. โอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะเข้าถึงธุรกิจตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นกิจการ ยิ่งเริ่มลงทุนเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้น
  3. ความผันผวนด้านราคาต่ำ เนื่องจากหุ้นไม่ได้ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ราคาหุ้นจึงไม่เคลื่อนไหวตามปัจจัยเสี่ยงหรือข่าวรายวัน แต่การประเมินมูลค่าจะทำผ่านการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ดังนั้น การเติมเต็มพอร์ตลงทุนด้วยหุ้นนอกตลาดจะช่วยกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนของมูลค่าพอร์ตโดยรวมได้

สำหรับการลงทุนในหุ้นนอกตลาดและยิ่งเป็นธุรกิจในช่วงเริ่มต้นไม่ใช่เรื่องง่าย นักลงทุนต้องพร้อมรับความเสี่ยงมากขึ้นในกรณีที่ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ เพื่อแลกกับโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนสูงขึ้น ดังนั้น จึงต้องกระจายลงทุนในหลายร้อยบริษัท ในหลายภูมิภาคทั้งยุโรป สหรัฐฯ และเอเชีย และในหลายอุตสาหกรรม ได้แก่ เทคโนโลยีสำหรับการบริโภค เช่น Social Media, E-Commerce และเกมส์ การให้บริการด้านเทคโนโลยีแก่องค์กรต่างๆ ที่มีความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น การพัฒนาระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และการเพิ่มความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ นอกจากนั้นยังรวมถึงนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการวินิจฉัยและรักษาโรค

และที่สำคัญต้องลงทุนผ่านผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญ มีผลงานจากการบริหารสินทรัพย์ประเภทนี้มานาน และมีเครือข่ายพันธมิตรผู้จัดการกองทุน เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริษัทนอกตลาดที่มีศักยภาพ โดยผู้จัดการกองทุนจะเฟ้นหาบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีแนวโน้มเติบโตสูง มีความโดดเด่นเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม มีความสามารถในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และที่สำคัญคือมีมูลค่าที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ

สำหรับช่วงเวลา ตอนนี้เป็นโอกาสในการลงทุน เพราะตั้งแต่ต้นปี 2022 ที่ธนาคารกลางทั่วโลกเร่งขึ้นดอกเบี้ยและดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด ไม่เพียงแค่ส่งผลต่อราคาหุ้นกลุ่มเติบโตสูงในตลาดให้ปรับตัวลงแรงเท่านั้น แต่ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นยังส่งผลต่อการประเมินมูลค่า (Valuation) ของหุ้นนอกตลาดบางตัวให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งๆ ที่ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

อย่างไรก็ดี โอกาสการลงทุนที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดี พร้อมทั้งเป็นเครื่องมือช่วยลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน ก็ต้องแลกมาด้วยการขาดสภาพคล่อง ที่โดยปกติการลงทุนในหุ้นนอกตลาด นักลงทุนจะต้องสามารถถือเงินลงทุนไปอย่างน้อย 7-10 ปี หรือนานกว่านั้น เพื่อให้ผู้จัดการกองทุนมีเวลาในการเลือกหุ้นของบริษัทที่จะเข้าลงทุน เข้าพัฒนาและรอบริษัทเติบโตเพื่อเพิ่มมูลค่า จนสามารถขายบริษัทในราคาที่ดี ซึ่งสามารถทำได้หลายทาง ทั้งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ขายในตลาดรอง หรือขายโดยตรงให้แก่นักลงทุนรายอื่นที่สนใจ