หนี้ ‘บัตรเครดิต’ สหรัฐทะลุ 1 ล้านล้านดอลล์ แม้ ‘หนี้ครัวเรือน’ โดยรวมคงที่
ข้อมูลจากเฟดสาขานิวยอร์ก ชี้ ชาวอเมริกันสร้างหนี้บัตรเครดิตในไตรมาสที่ 2 ทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แม้หนี้จากภาคการบริโภค-หนี้ครัวเรือนโดยรวมคงที่
Key Points
- ชาวอเมริกันกู้สินเชื่อจากบัตรเครดิตมากกว่าไตรมาสที่แล้ว โดยยอดหนี้บัตรเครดิตคงค้างเหลือสูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก
- หนี้ครัวเรือนปรับตัวขึ้น 0.1% มาอยู่ที่ 17.06 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากยอดหนี้จำนอง ซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุด
- การค้างชำระบัตรเครดิตอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี ซึ่งวัดโดยใช้ค่าเฉลี่ย 4 ไตรมาส
- ในระยะยาว ยอดสินเชื่อรถยนต์ยังคงเพิ่มขึ้นโดยขยายตัว 2 หมื่นล้านดอลลาร์เป็น 1.58 ล้านล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 2
สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) รายงานข้อมูลจากธนาคารกลาง (เฟด) แห่งนิวยอร์ก (New York Federal Reserve Bank) เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ว่า ชาวอเมริกันกู้สินเชื่อจากบัตรเครดิตมากกว่าไตรมาสที่แล้ว โดย "ยอดหนี้บัตรเครดิตคงค้าง" เหลือสูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก แม้ว่าปริมาณหนี้ครัวเรือนจะเพิ่มคงอย่างคงที่ก็ตาม
โดยนักวิจัยจากเฟดสาขานิวยอร์ก ระบุเพิ่มเติมว่า ยอดหนี้บัตรเครดิตในไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้น 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1.03 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่งรวมถึงราคาสินค้าที่สูงขึ้นเนื่องจากเงินเฟ้อ
ขณะที่ "หนี้ครัวเรือน" ปรับตัวขึ้น 0.1% มาอยู่ที่ 17.06 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากยอดหนี้จำนอง ซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุดและโดยทั่วไปเป็นตัวขับเคลื่อนที่ใหญ่ที่สุดของหนี้ครัวเรือนโดยรวม ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในระดับคงที่
ในขณะเดียวกัน ข้อมูลจากเฟดสาขานิวยอร์ก ระบุว่า หากวคำนวณโดยใช้ค่าเฉลี่ย 4 ไตรมาส พบว่า ยอดการค้างชำระบัตรเครดิตอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี ซึ่ง
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มรายไตรมาสต่อไตรมาสดูน่าตกใจน้อยกว่า โดยนักวิจัยของเฟดในนิวยอร์กสังเกตว่า การปรับตัวลดลงครั้งนี้ใกล้แตะระดับก่อนเกิดโรคระบาดในช่วงสองไตรมาสล่าสุด
"แม้ผู้บริโภคชาวอเมริกันจะเผชิญอุปสรรคมากมายในปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แรงกดดันด้านเงินเฟ้อหลังการระบาดใหญ่ และความล้มเหลวด้านการธนาคารเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่แสดงว่าชาวอเมริกันเผชิญกับความทุกข์ยากทางการเงิน"
โดยแม้ว่ายอดหนี้บัตรเครดิตคงเหลือที่เพิ่มขึ้นจะเป็นประเด็นท้าทายผู้กู้สินเชื่อบางราย และผู้กู้เงินกู้เพื่อการศึกษาอาจได้รับแรงบีบคั้นมากขึ้น เนื่องจากการชำระคืนเงินกู้ของนักเรียนกลับมาดำเนินการอีกครั้งในฤดูใบไม้ร่วงนี้
ทว่า "ปริมาณหนี้ของภาคครัวเรือนแสดงให้เห็นสัญญาณเริ่มต้นของการทรงตัวในช่วงก่อนเกิดโรคระบาด แม้ว่าจะมียอดหนี้ครัวเรือนคงค้างจะสูงขึ้นก็ตาม"
ทั้งนี้ ยอดเงินกู้เพื่อการศึกษาในไตรมาสที่ 2 ลดลง 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1.57 ล้านล้านดอลลาร์ โดยตัวเลขการกู้ยืมปรับตัวลดลงเพราะช่วงเวลาของปีการศึกษา เช่นเดียวกับโครงการยกหนี้ (Forgiveness Programs ) อีกเล็กๆ น้อยๆ
โดยยอดการสร้างหนี้จำนองเพิ่มขึ้นเป็น 3.93 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเดือนเม.ย. - มิ.ย. จากระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปีที่ประมาณ 3.24 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ยอดสินเชื่อจำนองยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 2 ปีแรกของการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาก ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงของเฟดในช่วง 15 เดือนที่ผ่านมา กล่าวคือยอดสินเชื่อจำนองโดยรวมลดลงเหลือ 12.01 ล้านล้านดอลลาร์ จาก 12.04 ล้านล้านดอลลาร์ในไตรมาสก่อนหน้า
ขณะที่ รายงานระบุอีกว่า ยอดหนี้จากสินเชื่อรถยนต์ยังคงเพิ่มขึ้นในระยะยาวโดยเพิ่มขึ้น 2 หมื่นล้านดอลลาร์เป็น 1.58 ล้านล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 2 โดยยอดหนี้สินใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 11% เป็น 1.79 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงราคารถยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และปริมาณสินเชื่อที่เปิดใหม่ยังคงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาด