ดอกเบี้ยใกล้‘พีค’ หนุน‘กองรีท'กลับมาเด่น
การลงทุนกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ในประเทศไทย "เงียบเหงา” มาพักใหญ่ ในช่วงโควิด 2-3 ปีผ่านมา มีเงินไหลออกชัดเจน และผลตอบแทนปรับตัวลงมากกว่าตลาด จากปัจจัยดอกเบี้ยเป็นทิศทางขาขึ้นทั่วโลกกดดัน
ทว่าปัจจุบันในเชิงพื้นฐานของการลงทุนกองรีทไทย “เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว” จากวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด เข้าใกล้จุดสูงสุดแล้ว หนุนให้ดัชนีรีทไทย (PF&REIT) ณ 11 ส.ค. 2566 ปรับตัวขึ้น 0.24% ดังนั้น จังหวะนี้เป็น"โอกาส"ทยอยเข้าลงทุนแล้วหรือไม่
ล้วนเป็นปัจจัยหนุนอัตราการ"จ่ายเงินปันผล"ของรีทไทยในปีนี้เพิ่มสูงขึ้น โดยฝ่ายวิจัยคาดไว้ที่เฉลี่ย 6% ในปีนี้ และส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนเงินปันผลและพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี (Yield Gap) อยู่ที่ 3.5% ยังทรงตัวเท่ากับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง ถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม คือ มองเป็นกลาง “ไม่ได้แย่มากหรือดีมาก”
แต่นักลงทุนคงต้องรอให้การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ให้ผ่านจุดพีคไปก่อน จะเป็นปัจจัยหนุนการลงทุนกองรีทไทย กลับมามีความน่าสนใจและโดดเด่นอีกครั้งหนึ่งอย่างชัดเจน
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ดัชนีรีทไทย เริ่มกลับมาฟื้นตัว จากทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดใกล้สิ้นสุดแล้ว และราคาหุ้นกลุ่มนี้ยังปรับตัวลงมากกว่าตลาดอยู่ค่อนข้างมาก
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนกองรีทไทย ช่วงเวลานี้ ณัฐชาต แนะว่า การจัดสรรการลงทุนในกองรีทไทย สัดส่วน 10-15% สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้นได้ เพราะรีทไทยมีความผันผวนต่ำ โดยทยอยเข้าสะสม DCA เท่ากันทุกเดือน “ในกองทุนรวมรีทไทย ดีกว่าซื้อหุ้นรีท” เพื่อช่วยลดความเสี่ยงสภาพคล่องในตลาดที่หายไป ป้องกันความเสี่ยงไถ่ถอนขายคืนยาก
ขณะเดียวกันการลงทุนในกองทุนรวมรีทไทย ช่วยสร้างกระแสรายได้สม่ำเสมอ ส่วนใหญ่กองทุนจะมีการจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง และมีบางกองจ่ายปีละ 4 ครั้ง ฝ่ายวิจัยคาดว่า กองทุนรีทไทยจ่ายปันผลเฉลี่ย 5% ในปีนี้
อนุวัฒน์ จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์WHART แนะนำว่า หากนักลงทุนมีความเข้าใจการลงทุนกองรีทและยังรับความเสี่ยงได้ มองว่าเป็นโอกาสในการลงทุนกองรีทที่มีผลการดำเนินงานที่ดีจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอ ก็จะทำให้มีผลตอบแทนที่ดี จากมีDividend Yield สูง
แต่ด้วยภาวะดอกเบี้ยและเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มสูงขึ้น แนะนำว่า ผู้ลงทุนต้องพิจารณาเรื่องการบริหารจัดการด้านการเงินและหนี้ของกองรีทเป็นหลัก โดยเฉพาะการบริหารหนี้ หากมีเงินกู้จำนวนมากจะได้รับผลกระทบมากจากดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นเพราะเงินกู้เป็นดอกเบี้ยลอยตัว แต่หากเป็นหนี้หุ้นกู้จะไม่มีผลกระทบ เพราะหุ้นกู้เป็นดอกเบี้ยคงที่
รวมถึงภาพรวมกองรีทในปัจจุบันมีทั้งสิ้น 29-30 กองทุน ซึ่งผู้ลงทุนต้องพิจารณาการลงทุนในกองรีทที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพอยู่ทำเลที่ถูกต้อง มีผู้เช่าที่ดี รายได้สม่ำเสมอ สภาพคล่องสูงสามารถสร้างผลตอบแทนเติบโตทุกปี