หุ้น Apple ดิ่งหนัก หลัง ปักกิ่ง แบนการใช้ IPhone พบ รายได้จากจีนมากถึง 20%
“แหล่งข่าววงใน” ของวอลล์ สตรีท เจอร์นัล เผย "จีน" สั่งหน่วยงานราชการเลิกใช้โทรศัพท์ IPhone คาดเป็นส่วนหนึ่งของ "นโยบายลดการพึ่งพาสหรัฐ" กดดัน หุ้น Apple ดิ่ง 3.58% หนักสุดในรอบ 1 เดือน พบ Apple มีรายได้จากจีนมากถึง 20%
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานโดยอ้างอิงเเหล่งข่าววงในของวอลล์ สตรีท เจอร์นัล (Wall Street Journal) วันนี้ (7 ส.ค.) ว่า รัฐบาลจีนสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐบาลกลางใช้โทรศัพท์มือถือไอโฟนและอุปกรณ์สื่อสารจากต่างประเทศระหว่างการทำงาน พร้อมทั้งห้ามนำอุปกรณ์ดังกล่าวเข้าไปในสำนักงาน ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐในประเด็นเรื่องสงครามเทคโนโลยี
จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลต่อเนื่องให้ล่าสุด หุ้นบริษัท Apple Inc ปรับตัวลดลง 3.58% สู่ระดับ 182.91 ดอลลาร์ ขณะปิดตลาดหุ้นมหานครนิวยอร์กเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการร่วงลงในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.
โดยก่อนหน้านี้ หุ้น Apple ปรับตัวขึ้นไปมากถึง 46% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา (YTD) ก่อนที่จะร่วงลง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับฐานตามปกติสำหรับหุ้นเทคโนโลยี
ทั้งนี้ Apple เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในจีน ซึ่งเป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุด แม้ว่าจะมีความไม่พอใจเกี่ยวกับความพยายามของอเมริกาในการจำกัดอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของประเทศในเอเชียเพิ่มขึ้นก็ตาม โดยโทรศัพท์มือถือไอโฟน ของ Apple เป็นหนึ่งในสินค้าขายดีในจีน และประชาชนจากทั้งภาครัฐและเอกชนก็ใช้อย่างเเพร่หลาย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลจีนกีดกันอุปกรณ์และเทคโนโลยีจากต่างประเทศอย่างมาก เพราะมีความละเอียดอ่อนในประเด็นการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ปักกิ่งยกระดับความต้องการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สำทับกับสงครามในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ของทั้ง 2 ประเทศ
หากย้อนกลับไปในปี 2565 ปักกิ่งสั่งให้หน่วยงานรัฐบาลกลางและบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบรนด์ต่างประเทศไปเป็นอุปกรณ์ในประเทศภายใน 2 ปี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความพยายามเชิงรุกในการกำจัดเทคโนโลยีของต่างประเทศที่เข้ามาในจีน
ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า หากจีนสาามารถห้ามการใช้ไอโฟนภายในประเทศได้จริง อาจกระทบต่อรายได้ของบริษัทอย่างมาก เพราะรายได้จากจีนคิดเป็นกว่า 20% ของรายได้ทั้งหมดของ Apple
อ้างอิง
