‘กอบศักดิ์’ ชี้แจกเงินดิจิทัล เข็น ‘จีดีพี’ ปี 67 โตแค่ 3-4 %

‘กอบศักดิ์’ ชี้แจกเงินดิจิทัล เข็น ‘จีดีพี’ ปี 67 โตแค่ 3-4 %

“กอบศักดิ์” ชี้ มาตรการแจกเงินดิจิทัล เปลี่ยนมาเป็นใช้เงินจาก พ.ร.บ. ถือว่ารัฐบาลมาถูกทาง โปร่งใสมากขึ้น ย้ำจีดีพีปีหน้าเติบโตได้เพียง 3-4% แม้รวมแรงกระตุ้นจากมาตรการแจกเงิน เชื่อเศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทายมากขึ้นปีหน้า จากการชะลอตัวเศรษฐกิจโลก

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ในฐานะประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ การแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ที่ออกมา โดยเป็นการใช้เงินจาก พระราชบัญญัติกู้เงิน ( พ.ร.บ.) และต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา เชื่อว่า เป็นเรื่องที่มาถูกทาง มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นการปกป้องตัวรัฐบาลเอง หากเทียบกับแบบเดิม ที่มีแผนจะกู้เงินจากรัฐวิสาหกิจหรือ สถาบันการเงินของรัฐ ผ่านมาตรา 28  เพราะการแจกเงินดิจิทัล ที่มีวัตถุประสงค์ในการแจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นการชั่วคราว  การแจกเงินต้องทำให้ง่ายที่สุด หากลึกลับซับซ้อน อาจทำให้มีปัญหาตามมาได้ 

“การใช้เงินในโครงการแจกเงินดิจิทัล ถือเป็นสิ่งที่ดี และมาถูกทาง และเป็นการปกป้องตัวรัฐบาลเอง จากตอนแรกที่เงินจะมาจาก มาตรา 28  ที่สร้างความน่ากังวลใจ เพราะหลายคนจับตาเรื่องนี้ใกล้ชิด หากทำแบบนั้นปัญหาอาจตามมาได้ และหลังจากนี้ก็ต้องติดตามต่อไป ว่าสุดท้ายแล้ว การแจกเงินจะเป็นตัวเลขไหน เพราะเมื่อเข้าสภาฯ ตัวเลขอาจเปลี่ยนแปลงได้อีก”

ขณะเดียวกัน แม้การแจกเงินดิจิทัล จะมีส่วนทำให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพี ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่คงไม่กระทบทำให้ไทยถูกลดอันดับเครดิตเรตติ้งในระยะข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม แม้ จะมีผลบวกจาก โครงการแจกเงินดิจิทัลเข้ามา แต่คาดการณ์ การขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2567 จะเติบโตได้เพียง 3-4% เท่านั้น เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกถือว่ามีความน่ากังวล ทั้งจากสถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรป จีน ที่ยังมีปัญหา

รวมถึงดอกเบี้ยที่อยู่ระดับสูงทั่วโลก ปัญหาจากสงครามที่อาจเป็นปัจจัยฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจทั้งโลก 

“ผมเชื่อว่า ปีหน้าไม่ใช่ประเด็นที่ต้องเอาเป็นเอาตายในเรื่องการเติบโต เพราะปีหน้าเป็นปีที่ท้าทายสำหรับเศรษฐกิจทั่วโลกรวมถึงไทย ดังนั้นไม่ใช่เวลาที่จะบอกว่าจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจเติบโตไปถึง 5% แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องประคองให้เศรษฐกิจไทยเราผ่านสถานการณ์ความท้าทายไปได้เป็นเรื่องที่สำคัญกว่า” 

อย่างไรก็ตาม มองว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย จะเริ่มกลับมาขยายตัวดีขึ้นอีกครั้ง ในครึ่งหลังของปี 2567 เป็นไป จากการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก ที่จะหนุนให้ภาพรวมเศรษฐกิจกลับมามีแรงขับเคลื่อนที่ดีขึ้น ดังนั้นปี 2568 ค่อยกลับมาเหยียบคันเร่งเศรษฐกิจได้เต็มที่ 

ทั้งนี้ หากต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ให้เติบโตมากขึ้นในระยะข้างหน้า สิ่งที่ต้องทำ เช่น การฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวอินเดีย เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวอินเดียเข้าไทยเพิ่มขึ้น รวมถึงการพัฒนาท่าเรือฝั่งตะวันออก เพื่อจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนได้มากขึ้น เหล่านี้จะเป็นส่วนช่วยให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นอย่างยั่งยืนมากขึ้น 
 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์