Barclays แบงก์ยักษ์อังกฤษ จ่อปลดพนักงาน 2,000 ตำแหน่ง - หั่นต้นทุนเฉียด 5 แสนล้านบาท
บาร์เคลย์ส (Barclays) วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่สัญชาติอังกฤษเตรียมลดต้นทุนบริษัทมากถึง 1 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.25 พันล้านบาท (ประมาณ 4.7 แสนล้านบาท) รวมทั้งปลดพนักงานราว 2,000 ตำแหน่ง โดยส่วนใหญ่เป็นส่วนหลังบ้าน (Back Office)
สำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าววงในวันนี้ (24 พ.ย.) ว่า บาร์เคลย์ส (Barclays) วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่สัญชาติอังกฤษเตรียมลดต้นทุนบริษัทมากถึง 1 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.25 พันล้านบาท (ประมาณ 4.7 แสนล้านบาท) หนึ่งในนั้นคือการปลดพนักงานราว 2,000 ตำแหน่ง โดยส่วนใหญ่เป็นส่วนหลังบ้าน (Back Office)
โดยผู้จัดการของบาร์เคลย์ส ซึ่งนำโดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซี.เอส.เวนคตริษนันท์ (C.S. Venkatakrishnan) อยู่ในช่วงทบทวนข้อเสนอเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรผ่านการลดตำแหน่งงาน 1,500 ถึง 2,000 ตำแหน่ง
ขณะที่โฆษกของบาร์เคลย์สปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าว
ทั้งนี้ การปรับลดที่อาจเกิดขึ้นส่วนใหญ่จะอยู่ที่ Barclays Execution Services หรือ “BX” รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายโดยรวมในการลดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 1 พันล้านปอนด์ทั่วทั้งกลุ่มบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาบาร์เคลย์สพยายามลดค่าใช้จ่ายด้วยการลดโบนัส เช่นเดียวกับงานในธุรกิจค้าปลีกและวาณิชธนกิจ แต่ยังไม่มีการรายงานการลดขนาด BX ลงแต่อย่างใด
ด้านบทวิเคราะห์ของสำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า เป้าหมายการรัดเข็มขัดด้านต้นทุน 1 พันล้านปอนด์ของบาร์เคลย์สจะคิดเป็นประมาณ 7% ของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานประจำปีของธนาคารที่ราว 1.5 หมื่นล้านปอนด์ในปี 2565
การอภิปรายเกี่ยวกับจำนวนพนักงาน BX กำลังดำเนินอยู่ และบาร์เคลย์สสามารถตัดสินใจจัดลำดับความสำคัญของการเลิกจ้างพนักงานในด้านอื่น ๆ ต่อไป
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งซีอีโอ นายธนาคารผู้มีประสบการณ์ผู้นี้ต้องต่อสู้กับความเสียหายจากความผิดพลาดในการซื้อขายที่ทำให้ธนาคารต้องสูญเสียเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์
นอกจากนี้เขายังเผชิญกับการต่อสู้ที่ยืดเยื้อเพื่อรักษาขวัญกำลังใจในธนาคารเพื่อการลงทุนของบาร์เคลย์สซึ่งการอพยพผู้มีความสามารถขัดขวางความพยายามที่จะแข่งขันกับคู่แข่งในยุโรปเช่น Deutsche Bank, BNP Paribas และ UBS
โดยราคาหุ้นของบาร์เคลย์สลดลง 26% นับตั้งแต่ซีอีโอคนปัจจุบัน เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2564 ในขณะที่หุ้นของ Deutsche มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยและ HSBC เพิ่มขึ้น 37%