ตลาดเชื่อ 'เฟดหั่นดอกเบี้ย' 1.25% เดือน ก.ค. 67 แม้ 'พาวเวลล์' ชี้ัยังเร็วเกินไป
นักลงทุนจำนวนมากเห็นพ้อง "อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น" ในสหรัฐจบแล้วและธนาคารกลางสหรัฐจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1.25% ในเดือน ก.ค. ปี 2567 แม้ "เจอโรม พาวเวลล์" ประธานเฟดชี้ยังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานวันนี้ (4ธ.ค.) ว่า "ภาวะตลาดตราสารหนี้" ที่ปรับตัวร้อนแรงในปัจจุบันสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนเชื่อมั่นว่าวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สิ้นสุดลงแล้ว และนักลงทุนเริ่มหันไปพูดคุยประเด็นว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเท่าใดและเมื่อใดแทน
โดยบทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุเพิ่มเติมว่าสิ่งที่เป็นปัญหาปัจจุบันคือเศรษฐกิจสหรัฐจะปรับตัวเข้าสู่สภาวะถดถอย (Recession) หรือหมุนวนไปสู่สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นหรือไม่ เพราะทั้งสองสถานการณ์สะท้อนให้เห็นว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยกําลังจะมาถึง ซึ่งอาจเร็วที่สุดคือเดือนมี.ค.
ทั้งนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1.25% ในปีหน้า ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดูเหมือนจะเคลียร์เส้นทางสําหรับการปรับลดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) และราคาพันธบัตรที่ส่อปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของตลาดล่าสุดยังไม่รวมถึงความขัดแย้งระหว่างคาดการณ์ของตลาดและถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ
กล่าวคือเจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ประธานเฟดกล่าวปิดการประชุมตามธรรมเนียมในวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า
ยังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ว่าคณะกรรมการฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเท่าไรและเมื่อไรในช่วงต้นปี 2567
อย่างไรก็ตามถ้อยแถลงของพาวเวลล์ก็ไม่ทำให้นักลงทุนกลัวแต่อย่างใดเพราะตลาดหุ้นวอลล์สตรีทกลับตอบสนองด้วยการปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงดังกล่าว
“เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อลดลงเร็วกว่าที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางคาดไว้ตอกย้ำอารมณ์ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของเฟดคือเดือนก.ค.” เคลซีย์ เบอร์โร (Kelsey Berro) ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอตราสารหนี้ของ JPMorgan Asset Management กล่าว
พร้อมเสริว่า “แม้ว่าบอนด์ยีลด์อาจสูงขึ้นในแต่ละวันแต่เราสามารถทำให้เคลื่อนไหวต่ำลงได้มากขึ้นหากปีหน้าสหรัฐพิจารณาการปรับลดอัตราดอกเบี้ย”
อ้างอิง
