JASIF เตรียมจ่ายเงินลดทุนครั้งที่ 5 อัตรา 0.16 บาทต่อหน่วย 18 มี.ค.นี้
JASIF เตรียมจ่ายเงินลดทุนครั้งที่ 5 อัตรา 0.16 บาทต่อหน่วย 18 มี.ค.67 หลังปิดสมุด 23 ก.พ. 67 ด้วยการลดมูลค่าที่ตราไว้ จากหน่วยละ 9.6916 บาท เหลือหน่วยละ 9.5316 บาท ขณะที่ปี 66 กองทุนมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 7,960.78 ล้านบาท ลดลง 10.05% จากปี 65
นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองกรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate Infrastructure Investment บลจ.บัวหลวง หรือ BBLAM เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF เตรียมนำเงินสดจากการดำเนินงาน สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 จ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในรูปการลดเงินทุนจดทะเบียนหน่วยละ 0.1600 บาท ด้วยการลดมูลค่าที่ตราไว้ จากหน่วยละ 9.6916 บาท เหลือหน่วยละ 9.5316 บาท
โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินลดทุนในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 และจะจ่ายเงินลดทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 18 มีนาคม 2567 เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุน JASIF จนถึงการประกาศจ่ายเงินลดทุนครั้งที่ 5 นี้ กองทุนจ่ายเงินลดทุนรวมทั้งสิ้น 0.4684 บาทต่อหน่วยลงทุน ขณะเดียวกันได้จ่ายเงินปันผลไปแล้วทั้งหมด 34 ครั้ง รวมเป็นเงิน 7.67 บาทต่อหน่วยลงทุน
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน JASIF ในปี 2566 กองทุนมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 7,960.78 ล้านบาท ลดลง 10.05% จากปี 2565 ขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุน 19,099.98 ล้านบาท ลดลง 267.30% จากปีก่อน
มีสาเหตุหลักจากค่าเช่าทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมและแทนที่สัญญาประกันรายได้ค่าเช่า เท่ากับ 802.76 บาทต่อคอร์กิโลเมตรต่อเดือน โดยเรียกเก็บถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2566 ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยลงทุน ครั้งที่ 1/2566 ส่งผลให้สินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงานลดลง เท่ากับ 11,139.18 ล้านบาท เปลี่ยนแปลงลดลง 405.15% จากปีก่อน
ทั้งนี้ สำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2566 กองทุนมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 1,485.53 ล้านบาท ลดลง 32.75% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีผลขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุน 1,000.05 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากในเดือนธันวาคม 2566
กองทุนได้ว่าจ้างผู้ประเมินราคาอิสระให้ประเมินมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง ได้มูลค่ายุติธรรมใหม่เท่ากับ 75,700.00 ล้านบาท กองทุนจึงรับรู้ขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนจากการประเมินมูลค่าเงินลงทุนดังกล่าวจำนวน 1,000.00 ล้านบาท ส่งผลให้สินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น เท่ากับ 485.50 ล้านบาท เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 161.38% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 104.73% จากไตรมาสก่อน
สินทรัพย์รวมของกองทุน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 มีจำนวน 80,407.62 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินลงทุนในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง 75,700.00 ล้านบาท เงินลงทุนในหลักทรัพย์และเงินฝากธนาคาร 4,178.95 ล้านบาท และสินทรัพย์อื่น 528.66 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินรวมมีจำนวน 13,199.97 ล้านบาท สินทรัพย์สุทธิ (NAV) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 เท่ากับ 67,207.65 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.4009 บาทต่อหน่วย
ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 กองทุน JASIF มีขาดทุนสะสมจำนวน 8,196.15 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากกองทุนขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนของปี 2566 เท่ากับ 19,099.98 ล้านบาท ทั้งนี้ มูลค่ายุติธรรมใหม่นี้ได้สะท้อนมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยลงทุน ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2566 ที่มีมติให้ยกเลิกสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมและแทนที่สัญญาประกันรายได้ค่าเช่า และสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมและแทนที่สัญญาให้บริการจัดหาผู้เช่าทรัพย์สิน โดยให้มีผลเป็นการยกเลิกและระงับการชำระเงินตามสัญญาทั้งสองดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนมีมติอนุมัติ เป็นต้นไป ดังนั้น กองทุนจึงไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนสำหรับไตรมาสนี้ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์และนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ระบุในหนังสือชี้ชวนของกองทุน
อนึ่ง กองทุนมีเงินสดจากการดำเนินงานสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 จำนวน 1,485.53 ล้านบาท เนื่องจากการขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนเป็นรายการทางบัญชีที่ไม่มีกระแสเงินสดออกไปจริง ดังนั้น บริษัทจัดการจะนำเงินจำนวน 1,280.00 ล้านบาท ไปดำเนินการจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในรูปเงินลดทุน