บลจ.อเบอร์ดีน มองบวก หุ้นไทย เฟ้นหา หุ้น ’กลาง-เล็ก‘ โตเด่น
บลจ.อเบอร์ดีน มองตลาดหุ้นไทย ดัชนีสิ้นปีนี้ 1,406 - 1,560 จุด ชูกลยุทธ์เฟ้นหา หุ้นกลาง - เล็ก คุณภาพดี เติบโตโดดเด่นกว่าหุ้นใหญ่ พร้อมเพิ่มตราสารหนี้สหรัฐ รับความเสี่ยงดอกเบี้ย ตลาดผันผวน
นายพงค์ธาริน ทรัพยานนท์ Head of Fixed Income and Asset Allocation บลจ.อเบอร์ดีน เปิดเผยว่า ในปีนี้กลุ่มอเบอร์ดีนฯ ยังมีมุมมองเชิงบวก และให้ความสำคัญต่อการลงทุนทั้งตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ของไทย เพราะถือเป็นหนึ่งในดัชนีตลาดเกิดใหม่
สำหรับตลาดหุ้นไทย มองหุ้นกลุ่มขนาดกลาง และเล็ก มีความน่าสนใจมากกว่ากลุ่มหุ้นใหญ่ ใช้กลยุทธ์เฟ้นหาหุ้นกลาง และเล็ก ยังเห็นการเติบโตระดับสูง พร้อมก้าวเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในอนาคต
ขณะที่ บลจ.อเบอร์ดีน มีความเชี่ยวชาญในการบริหารกองทุนหุ้นไทยขนาดเล็ก โดยมีกองทุนเด่นที่แนะนำคือ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ (ABSM) มีหุ้น 20-30 ตัวในพอร์ต เน้นหุ้นคุณภาพ และเติบโตดีกว่าตลาดใน 3-5 ปีข้างหน้า ราคาหุ้นยังไม่ปรับขึ้นมา
สำหรับกลุ่มหุ้นที่กองทุน ABSM เน้นลงทุน 4 ธีมหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้แก่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม การแพทย์ ท่องเที่ยว พาณิชย์ เทคโนโลยี มี 5 หุ้นที่กองทุนฯ ให้น้ำหนักลงทุนมากสุด คือ SISB , MEGA,WHA ,PR9 , HUMAN รวมถึงยังหุ้นที่น่าสนใจพอร์ต เช่น CENTEL, MOSHI
นายพงค์ธาริน กล่าวว่า ทางด้านแนวโน้มระยะ 3-6 เดือนข้างหน้า มองเงินเฟ้อยังอยู่ในขาลง และผันผวนต่อเนื่องจาก 6 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดการลงทุนยังผันผวน
ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลก ยังคงซอฟต์แลนด์ดิ้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งนโยบายการเงินจะเป็นตัวพยุงเศรษฐกิจโลกในปีนี้ เราคาดว่าจะเห็นการลดดอกเบี้ยของเฟดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และน่าจะลดดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดได้
รวมถึงในตลาดเกิดใหม่ อย่างไทยคาดว่า จะเห็นการลดดอกเบี้ยของ ธปท.เข้ามาช่วย มีโอกาสลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายสิ้นปีนี้ จะอยู่ที่ 2% จากปัจจุบัน 2.5%
ส่วนแนวโน้มสกุลเงินดอลลาร์ ควรจะอ่อนค่าในช่วง 12 เดือนข้างหน้า แต่มองว่าในระยะสั้นดอลลาร์ ยังมีบทบาท ยังเป็นการแข็งค่าในช่วงครึ่งปีแรก ทำให้การลงทุนสกุลเงินดอลลาร์ ยังให้ผลตอบแทนที่ดีมากจนกว่าเฟดน่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยคาดในช่วงเดือนมิ.ย.นี้
ดังนั้น ในช่วง 3-6เดือนข้างหน้า จากความเสี่ยงของดอกเบี้ย เรายังคงแนะปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ ที่เป็นสกุลดอลลาร์ อายุต่ำ 4 ปี และหุ้นกู้สหรัฐระดับอินเวสเม้นท์เกรด ยังให้ผลตอบแทนที่ดีระดับ 6-7% และมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นกู้กลุ่มไฮยีลด์
นอกจากนี้ เรายังแนะนำ เพิ่มน้ำหนักลงทุนใน "ตลาดหุ้นสหรัฐ" กลุ่มหุ้นขนาดกลางและเล็ก ที่ยังมีโอกาสเติบโต จากเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง และระดับราคาหุ้นยังน่าสนใจ รวมถึงปัจจัยเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงแบบซอฟต์แลนด์ดิ้ง และดอกเบี้ยขาลง เป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง
บลจ.อเบอร์ดีน ยังมีอีก 3 กองทุนที่นักลงทุนต้องมีติดพอร์ตปี 2567 ได้แก่
1.กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล เอนแฮนซ์ ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (ABGFIX) ความเสี่ยงกองทุนระดับ : 4 เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนบนความผันผวนที่ต่ำกว่ากับตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลก เน้นลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก ผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ abrdn SICAV I-Short Dated Enhanced Income Fund, Class Z Acc USD
2.กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล ไดนามิค ดีวิเด็น ฟันด์ (ABGDD) ความเสี่ยงกองทุนระดับ:6 เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอพร้อมการเติบโตของเงินลงทุน เน้นลงทุนในหุ้นเด่นทั่วโลก ผสมผสานลงตัวระหว่างหุ้นเติบโต และหุ้นคุณค่าผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ abrdn SICAV I- Global Dynamic Dividend Fund
3.กองทุนเปิด อเบอร์ดีน อเมริกา โกรท-สมอลเลอร์ คอมพานี ฟันด์ ความเสี่ยงกองทุนระดับ:6 กองทุนเฟ้นหาหุ้นเล็กอนาคตไกลในสหรัฐ ที่มีศักยภาพเติบโตแบบก้าวกระโดด เน้นลงทุนในหุ้นประเทศสหรัฐ หรือแคนาดาผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ abrdn SICAV I- กองทุนบริษัทขนาดเล็กในอเมริกาเหนือ Z Acc USD
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์