ทำความรู้จักระดับความเสี่ยงด้านเครดิตของประเทศ

ระดับเครดิตของประเทศ (Sovereign Credit Rating) จะบอกถึง ความสามารถในการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยที่ครบกำหนด อันดับเครดิตจะถูกกำหนดจากปัจจัยสำคัญ เช่น ปัจจัยทางเศรษฐกิจ ปัจจัยการคลัง และปัจจัยทางการเมือง ประเทศที่มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)

การลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐบาลจัดเป็นทางเลือกในการลงทุนที่นักลงทุนให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นแหล่งรายได้ที่สม่ำเสมอ มีสภาพคล่อง และการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐถูกจัดให้เป็นการลงทุนที่ปลอดภัยไม่มีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ (risk free) คงจะมีความสงสัยต่อมาว่าตราสารหนี้ภาครัฐเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยจริงหรือ ? การลงทุนในประเทศที่มีความเสี่ยงด้านการเงินการคลังจะยังถือเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยอยู่หรือไม่ ? ลองมาดูตัวชี้วัดที่ใช้วัดระดับความเสี่ยงด้านเครดิตของประเทศเพื่อเปรียบเทียบระดับความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน

ตัวชี้วัดแรกที่เห็นและมีการใช้ทั่วไป คือ ระดับเครดิตของประเทศ (Sovereign Credit Rating) จะบอกถึง ความสามารถในการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยที่ครบกำหนด อันดับเครดิตจะถูกกำหนดจากปัจจัยสำคัญ เช่น ปัจจัยทางเศรษฐกิจ ปัจจัยการคลัง และปัจจัยทางการเมือง ประเทศที่มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) 5 อันดับแรกปี 2566 (ข้อมูล IMF) มีอันดับเครดิตแตกต่างกัน ดังนี้

1.สหรัฐอเมริกา อันดับเครดิต AA+ 2) จีน อันดับเครดิต A+ 3) เยอรมนี อันดับเครดิต AAA 4) ญี่ปุน อันดับเครดิต A+ และ 5) อินเดีย อันดับเครดิต BBB- สหรัฐอเมริกามี GDP และ GDP per capita สูงกว่าเยอรมนีแต่กลับมีอันดับเครดิตต่ำกว่าแสดงถึงระดับความเสี่ยงที่มากกว่า โดย Fitch และ S&P ปรับลดอันดับเครดิตสหรัฐอเมริกาจาก AAA มาสู่ AA+ โดยให้เหตุผลแนวโน้มการคลังถดถอยช่วง 3 ปีข้างหน้า และปัญหาเพดานหนี้ที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ทำให้ปัญหาทางการคลังที่หนี้อยู่ในระดับสูงและขาดดุลการคลังที่ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ในขณะที่ Moody’s ปรับลดมุมมองต่ออันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐอเมริกาลงสู่เชิงลบ

ตัวชี้วัดที่ 2 Credit Default Swap (CDS) เป็นเครื่องมือทางการเงินใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงของตราสารหนี้ เช่น การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิต และการผิดนัดชำระหนี้ โดย CDS Spread ยิ่งสูงแสดงถึงความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ที่สูงขึ้น และ CDS Spread สะท้อนมุมมองของตลาดที่มีต่อผู้ออกตราสารหนี้รายนั้น 

ในขณะนั้น (real-time market sentiment) นอกจาก CDS เป็นเครื่องมือในการจัดการความเสี่ยงด้านเครดิตแล้วยังสามารถใช้เพื่อเก็งกำไรและกลยุทธ์การทำกำไรโดยปราศจากความเสี่ยง (Arbitrage) ประเทศที่อยู่ในอันดับเครดิต AAA เหมือนกัน แต่ CDS อาจแตกต่างกันบางประเทศอันดับเครดิต AAA แต่ CDS เท่ากับประเทศกลุ่มอันดับเครดิต AA+ ตัวอย่างแคนาดา 5Y CDS ราคาอยู่ที่ 39.6 bp มีความน่าจะเป็นที่จะไม่จ่ายหนี้ 0.66% (ข้อมูล World Government Bonds-30 มิ.ย.67) สูงกว่ากลุ่มอันดับเครดิต AAA และสูงกว่ากลุ่มอันดับเครดิต AA+ อย่างออสเตรียและฟินแลนด์ที่ 5Y CDS อยู่ที่ 13.84bp และ 18.95bp ตามลำดับ 

ถ้าย้อนกลับไปดูข้อมูลย้อนหลัง 7 ปี 5Y CDS ของแคนาดาปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแสดงถึงความเสี่ยงที่เป็นปัญหาเรื้อรังที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เช่น ปัญหาความไม่สมดุลในภาคอสังหาริมทรัพย์ และความเสี่ยงในภาคธนาคารพาณิชย์ที่สินเชื่อบ้านมีสัดส่วนเป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับสินเชื่อรวมซึ่งภาระการจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น 

จับตาดูสถานการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน(mortgage rate resets) ที่จะเกิดขึ้นในปี 2568-2569 ว่าจะส่งผลกระทบต่อการผ่อนชำระของผู้กู้และเชื่อมโยงไปถึงธนาคารที่ปล่อยสินเชื่ออย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับสวิตเซอร์แลนด์ 5Y CDS ไม่ค่อยผันผวนเว้นแต่ในกรณี credit event ในช่วงมีนาคมปี 2566 เกิดเหตุการณ์ธนาคารเครดิตสวิสประสบปัญหาความเชื่อมั่นทำให้เงินไหลออกจำนวนมากจนอาจเกิดความเสี่ยงแบงก์ล้มซึ่งอาจก่อให้เกิดวิกฤติทางการเงิน ทำให้ธนาคารยูบีเอสธนาคารใหญ่สุดของสวิตเซอร์แลนด์เข้าช่วยเหลือฉุกเฉินโดยซื้อกิจการของธนาคารเครดิตสวิส 

ในช่วงนั้น 5Y CDS ของสวิตเซอร์แลนด์ราคาพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 21.23 bp หรือปรับตัวประมาณ 126% จากวันก่อนหน้า หลังจากสามารถควบคุมสถานการณ์และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน 5Y CDS ของสวิตเซอร์แลนด์ก็ปรับตัวลดลงมาสู่ระดับปกติ

ทั้งนี้ในการตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาทั้งผลตอบแทนและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นเพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้