ลอบยิง ’ทรัมป์’ จ่อกระทบตลาดหุ้นผันผวน หลังดันบิตคอยน์พุ่ง 60,000 ดอลลาร์
เหตุการณ์ลอบยิง ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ จ่อกระทบตลาดหุ้นผันผวน ดันราคาบิตคอยน์พุ่งทะลุระดับ 60,000 ดอลลาร์ และเพิ่มโอกาสพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะ นักวิเคราะห์ประเมินนักลงทุนสนใจนโยบายการเงินมากกว่าการเมือง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานความเคลื่อนไหวตลาดสหรัฐหลังจากเกิดเหตุการณ์ลอบยิง โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จากพรรครีพับลิกันกลางเวทีชุมนุมหาเสียง ในคืนของวันเสาร์ (13 ก.ค.67) ที่ผ่านมา ซึ่งนักลงทุนเตรียมพร้อมรับมือตลาดหุ้นสหรัฐที่อาจเปิดตลาดผันผวนในคืนวันนี้(15 ก.ค.67)
อิเปก ออซคาร์เดสกายา นักวิเคราะห์อาวุโสของ ธนาคารสวิสโควตให้มุมมองเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อตลาดการเงิน โดยคาดการณ์ว่าตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้อาจมีความผันผวนเพิ่มขึ้นในวันนี้ ทำให้นักลงทุนอาจหันไปลงทุนใน "safe haven" หรือสินทรัพย์ปลอดภัย
ขณะนี้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของดัชนี S&P 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% ในช่วงเย็นตามเวลาท้องถิ่น สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
ในช่วงเช้าของการซื้อขายในเอเชีย ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ขณะที่ ราคาบิตคอยน์(Bitcoin)พุ่งทะลุระดับ 60,000 ดอลลาร์ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าอาจเป็นผลมาจากท่าทีที่เป็นมิตรต่อสกุลเงินดิจิทัลของทรัมป์
แม้จะเกิดเหตุการณ์ที่น่าตกใจแต่ฟิวเจอร์สหุ้นยังคงมีแนวโน้มคงที่ โดยปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนให้ความสนใจยังคงเป็นนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้
ยุง-ยูมา จาก BMO Wealth Management มองว่านักลงทุนยังคงให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมากกว่าเหตุการณ์ทางการเมือง
ด้านสตีเฟน โซลาก้า ผู้ร่วมก่อตั้งเบลมอนท์ แคปปิตอล กรุ๊ป มองว่าตลาดหุ้นจะยังคงได้รับแรงผลักดันจากผลประกอบการ และรายได้มากกว่าเหตุการณ์การเมือง แต่หุ้นบางตัวอาจได้รับประโยชน์หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง นอกจากนี้ตลาดคาดว่าเหตุการณ์นี้เพิ่มแนวโน้มที่ทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ยังคงจับตาดูพัฒนาการทางการเมืองในสหรัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบต่อตลาดการเงินโลกในระยะยาว
นอกจากนี้ นักลงทุนเริ่มให้ความสนใจกับ "Trump Trade" การลงทุนที่สอดคล้องกับนโยบายของทรัมป์มากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าหากเขากลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง ทั้งการลดภาษี เพิ่มอัตราภาษีศุลกากรและผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลดีต่อตลาดหุ้น
นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ มองว่าหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง อาจนำไปสู่ทัศนคติที่ดีขึ้นในภาคธุรกิจและผู้บริโภค ทัศนคติที่ดีขึ้นนี้อาจส่งผลให้เกิดการใช้จ่าย และการลงทุนที่เพิ่มขึ้น และบางบริษัทอาจมีแนวโน้มรายได้ที่ดีขึ้น แม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญ
หลังเหตุการณ์พยายามลอบสังหาร มีหลายบุคคลสำคัญออกมาแสดงการสนับสนุนทรัมป์ อย่างบิล แอคแมน ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ และมหาเศรษฐี และอีลอน มัสก์ ได้สนับสนุนทรัมป์ผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) โดยเรียกทรัมป์ว่า "แข็งแกร่ง"
อ้างอิง bloomberg bloomberg CNBC
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์