เปิด 10 กองทุน ‘ผลตอบแทนสูงสุด’ ประเดิม 'ตลาดการลงทุน' ครึ่งปีหลัง
ภาวะการลงทุนเข้าสู่โค้งแรกครึ่งปีหลัง ตลาดต่างประเทศ ยัง Perform เหนือชั้นกว่า บรรยากาศกว่า ตลาดในประเทศ ทั้งหุ้นและตราสารหนี้ของไทย ที่ยังเผชิญวิกฤติศัทธา...นักลงทุนเป็น’โดมิโน่’ แถมคาดเดาสถานการณ์ในขณะนี้ได้ยาก ... ต้องรอประเมินสถานการณ์ให้แน่ชัดกันก่อน
แต่ๆ ...การลงทุนนั้น ใครจะไปรอได้ ... ข้ามฟากมาฮีลใจรับบรรยากาศการลงทุนต่างประเทศ ก้าวข้ามครึ่งปีแรก...ยังแจ่มและยังดีต่อเนื่อง
ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มส่อแววแย่กว่าที่คาดหลายรายการ เงินเฟ้อสหรัฐเริ่มชะลอตัวลง เฉพาะในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ตลาดมีลุ้นบนความคาดหวังมีโอกาสลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ จากเดิมคาดลด 1-2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งคาดว่าในเดือนก.ย.นี้ มีโอกาสที่เฟดลดดอกเบี้ยลงทุน 0.25% หลังจากที่เฟดคงอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายไว้ที่ 5.25% -5.50% เป็นเวลาเกือบ 2 ปี
“ตลาดหุ้นสหรัฐ” สยายปีก
ทำให้ "ตลาดหุ้นสหรัฐ" ยังปรับตัวขึ้นโดดเด่น ยังคงขับเคลื่อนด้วย “หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่” นำโดย Nvidia
ส่วนหุ้นกลุ่ม Value ให้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าหุ้นกลุ่ม Growth และหุ้นกลุ่มปันผลก็ให้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าตลาดรวม ส่วนหุ้น Alphabet ประกาศจ่ายปันผลเป็นครั้งแรกในรอบนี้
ขณะที่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุดครึ่งปีแรกต่อเนื่องถึงตอนนี้ คือ “หุ้นกลุ่ม Semiconductors” โดย US Semiconductor Index +22.55% นำโดยหุ้น Nvidia นั่นเอง
“ตลาดหุ้นญี่ปุ่น” มาแรงไม่เบา
ขนาดบริษัทจัดการการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก “BlackRock” ปรับน้ำหนักการลงทุนใน ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เป็น ‘Overweight’ หรือ ‘เพิ่มน้ำหนักการลงทุน’ จากทิศทางเชิงบวกของ แนวโน้มเศรษฐกิจ กำไรสุทธิ อัตราการจ่ายปันผล การซื้อหุ้นคืนของบริษัทญี่ปุ่น ที่มีโอกาสทำสถิติสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
สอดรับกับผู้จัดการกองทุนสาย VI "บลจ.จิตตะ เวลธ์" ยังคงแนะอาวุธลับการลงทุนครึ่งปีหลัง ผ่าน"หุ้นญี่ปุ่น" ที่ทำ"กำไรแกร่งที่สุดในเอเชีย"
ด้วยแนวโน้มของกำไรที่แข็งแกร่งและพื้นฐานที่ดีของธุรกิจญี่ปุ่นตอกย้ำจุดเด่น ‘หุ้นดี ราคาน่าคบหา’ ที่หลายคนยังไม่รู้จัก หรือ ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แล้วใครที่เป็นนักลงทุน สาย VI ย่องเข้าเก็บเงินเติบโตระยะยาว แบบนี้จะพลาดได้อย่างไร
“ทองคำ” เสริมพอร์ตแกร่ง
ไม่มีไม่ได้ สำหรับการลงทุน "ทองคำ" นับเป็น หนึ่งสินทรัพย์หลบภัยความวุ่นวาย ความไม่แน่นอนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ หรือความรุนแรงทางภูมิรัฐศาสตร์ และยังทนทานต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
การลงทุนทองคำ "ช่วยกระจายความเสี่ยงและเสริมความต้านทาน" ให้พอร์ตการลงทุน
“หุ้นอินเดีย” ขุมทรัพย์ใหม่
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ความนิยมในตลาดจีนลดลงหลังจากมีหลายปัจจัยเข้ามากระทบ แต่จะเห็นว่า เงินลงทุนได้พากันย้ายเงินลงทุนจากจีนไป "อินเดีย" นั้นเอง
"GQG Partners Emerging Markets Equity" ให้น้ำหนักการลงทุน “อินเดีย” มากถึง 32% เนื่องจากผู้จัดการกองทุนเห็นว่าอินเดียยังมีบริษัทจำนวนมากที่ยังเติบโตได้ดี รวมไปถึงการมีประชากรจำนวนมาก และรัฐบาลยังมีแผนผลักดันโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอีกด้วย
ก่อนจะลุยลงทุนครึ่งปีหลัง ... หากลองมาเช็คลิสต์สินทรัพย์ดังกล่าวมานั้น จะพบว่า สามารถสร้างผลตอบแทนโดดเด่น "ติดท็อป 10" อันดับแรกของกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในช่วง 7 เดือนแรกเลยทีเดียว!! โดย “มอร์นิ่งสตาร์ (ประเทศไทย)” รายงานเมื่อ ณ 17 ก.ค.2567 ดังนี้
1.กองทุนไทยพาณิชย์ Semiconductor (SCBSEMI(SSFE) ) ผลลตอบแทน 35.47 % ราคาปิดล่าสุด 16.61 บาทต่อหน่วย
2.กองทุน ดาโอ อีโวลูชั่น ออฟ เซมิคอนดักเตอร์ (DAOL-EVOSEMI) ผลตอบแทน 34.71 % ราคาปิดล่าสุด 15.30 บาทต่อหน่วย
3.กองทุนแอสเซทพลัสนิปปอนโกรท (ASP-NGF) ผลตอบแทน 32.43% ราคาปิดล่าสุด 23.93 บาทต่อหน่วย
4.กองทุนกรุงศรีเจแปนเพื่อการเลี้ยงชีพ (KFJAPANRMF) ผลตอบแทน 27.17% ราคาปิดล่าสุด 15.27บาทต่อหน่วย
5.กองทุนกรุงศรีเจแปนเฮดจ์ปันผล (KF-HJAPAND) ผลตอบแทน 27.13% ราคาปิดล่าสุด 10.00 บาทต่อหน่วย
6.กองทุนเคแทม เวิลด์ โกลด์ แอนด์ เพรเชียส เอคควิตี้ (KT-PRECIOUS) ผลตอบแทน 26.81% ราคาปิดล่าสุด 6.00 บาทต่อหน่วย
7.กองทุนอีสท์สปริง US Information Technology ( ES-USTECH) ผลตอบแทน 26.07% ราคาปิดล่าสุด 16.92 บาทต่อหน่วย
8.กองทุน พรินซิเพิล เจแปนนิส อิควิตี้ ชนิดผู้ลงทุนพิเศษ (PRINCIPAL JEQ-X) ผลตอบแทน 26.03% ราคาปิดล่าสุด 17.73 บาทต่อหน่วย
9. กองทุน บีแคป โกลด์ (BCAP-GOLD) ผลตอบแทน 25.16% ราคาปิดล่าสุด15.03 บาทต่อหน่วย
10.กองทุนอเบอร์ดีน อินเดีย โกรท ฟันด์ (ABIG) ผลตอบแทน 25.86% ราคาปิดล่าสุด 27.86 บาทต่อหน่วย