‘แบงก์ชาติญี่ปุ่น’ ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด ลดซื้อพันธบัตร 4 แสนล้านเยน
‘แบงก์ชาติญี่ปุ่น’ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด
พร้อมเปิดแผนลดวงเงินซื้อ 'พันธบัตร’ ลง 4 แสนล้านเยนต่อไตรมาส คาด'เงินเฟ้อ’ลดลงเหลือ 2.5%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานผลสรุปการประชุมของ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.25% ตามคาด และได้ประกาศปรับลดปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB)
BOJ จะลดการซื้อพันธบัตรลง 4 แสนล้านเยน(ราว 9.3 หมื่นล้านบาท)ต่อไตรมาส และลดการซื้อพันธบัตรรายเดือนลงเหลือ 3 ล้านล้านเยน (ราว 7 แสนล้านบาท) ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม พ.ศ. 2569
การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญของ BOJ หลังจากดำเนินนโยบายการผ่อนคลายแบบผ่อนคลายมานานหลายปี
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่าดัชนี CPI ปี 2568 จะเพิ่มขึ้น 2.1% แทนที่จะเป็น 1.9% นั่นหมายความว่าราคาสินค้าและบริการโดยรวมอาจจะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย แต่สำหรับปีนี้ คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงเหลือ 2.5% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 2.8%
ขณะที่มีการประกาศแผนลดอัตราดอกเบี้ยค่าเงินเยนร่วงลง 0.7% และ ดัชนีหุ้นนิกเคอิผันผวนเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเคลื่อนไหวที่ระดับก่อนการประชุม
นักลงทุนจับตาการประชุม BOJ ในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินว่า BOJ จะปรับลดโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลอย่างไร หลังจากที่ BOJ ระบุในเดือนมิ.ย.ว่าจะปรับลดจำนวนการซื้อพันธบัตร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าตลาดการเงินจะสามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้น
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น BOJ เป็น 0.25% นั้นอาจส่งผลดีต่อธนาคารพาณิชย์ในญี่ปุ่นหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของกำไร เนื่องจากเมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ธนาคารพาณิชย์จะสามารถเรียกเก็บดอกเบี้ยจากเงินกู้ได้มากขึ้น ส่งผลให้รายได้จากดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
ฮิเดยาสึ บัน นักวิเคราะห์ Bloomberg Intelligence คาดการณ์ว่าธนาคารญี่ปุ่นอาจปรับเพิ่มการคาดการณ์กำไรประจำปีของตนเอง และนักวิเคราะห์ก็อาจปรับเพิ่มประมาณการกำไรของธนาคารเช่นกัน และหากผลประกอบการของธนาคารดีขึ้นตามคาด ก็มีความเป็นไปได้ที่ราคาหุ้นของธนาคารจะปรับตัวสูงขึ้น