"ประชัย เลี่ยวไพรัตน์" แนะแบงก์ชาติคุมค่าบาท 37 บาท/ดอลลาร์
"ประชัย เลี่ยวไพรัตน์" เรียกร้องแบงก์ชาติควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนให้ 1 ดอลลาร์เท่ากับ 37 บาท และเลิกอ้างอิงกรอบ US Dollar index ซึ่งเป็นต้นตอทำให้ต้นทุนสินค้าส่งออกไทยสูงกว่าคู่แข่งในตลาดโลก 20%
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การที่ผู้ว่าแบงก์ชาติ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ อ้างตลอดบอกว่าจะให้เงินบาทมีความสัมพันธ์กับดอลลาร์ หรือมีอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทกับดอลลาร์เป็นอัตราเดียวกับประเทศใหญ่ในเครือข่ายอเมริกา โดยใช้ Dollar index เป็นหลัก
ฟังดูแล้วก็มีเหตุมีผลดี ถ้าเราไม่พิจารณาว่าคู่แข่งทางการค้าของเราคือ พวกที่ไม่ใช่กลุ่มประเทศที่อยู่ในรายการ Dollar Index อันมี 6 ประเทศได้แก่ ยุโรป อังกฤษ สวีเดน แคนาดา ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์
คู่แข่งของสินค้าเกษตรของไทย ได้แก่ ประเทศจีน อินเดีย เวียดนาม เขมร ส่วนอุตสาหกรรมหนัก เช่น เหล็กก็ได้แก่อินเดียและจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน สำหรับอุตสาหกรรมพลาสติกของไทย คู่แข่งคือจีน อินเดีย สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้
สำหรับคู่แข่งอุตสาหกรรมปูนและปูนเม็ด (clinker) ของไทยก็คือ จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย อุตสาหกรรมรถยนต์แบตเตอรี่ อุปกรณ์เหล็กและเครื่องจักร์ อื่นๆ คู่แข่งของเราก็คือจีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย
ในขณะที่แบงค์ชาติปรับอัตราแลกเปลี่ยนของเราให้เท่ากับกลุ่มประเทศทั้ง 6 คือให้เงินบาทแข็งกว่าดอลลาร์ประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ประเทศคู่แข่งทางการค้า export ของเราซึ่งไม่ได้อยู่ใน กลุ่ม 6 ประเทศนี้เขากลับลดค่าเงินของเขาเมื่อเทียบกับดอลลาร์ 10%
สรุปแล้วเรามี handicap อยู่ 20% ทำให้ต้นทุนสินค้าเราสูงกว่าเขา 20% สินค้า Export ของเราไม่มีทางที่จะสู้กับสินค้านอกกลุ่ม 6 ประเทศนี้ได้เลย
อันนี้เป็นเหตุให้โรงงานใหญ่น้อยทยอยกันปิดโรงงานหมด แล้วประเทศจะอยู่ได้ยังไงตอนนี้มันลามมาจนถึงโรงงานใหญ่ๆ แล้ว SME ถูกปิดไปแล้วสินค้าเกษตรก็ราคาตกต่ำไปแล้วก็ต่อไปนี้กำลังจะลามโรงงานใหญ่ๆ ซึ่งโรงงานรถยนต์ก็ปิดไปแล้วโรงเหล็กก็ปิดไปแล้ว ต่อไปอุตสาหกรรมไทยจะอยู่ได้ยังไง ถ้ายังใช้ US Dollar index เป็นหลัก
เพราะฉะนั้น แบงค์ชาติต้องอย่างน้อยควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนให้ 1 ดอลลาร์เท่ากับ 37 บาท ซึ่งเรายังมี handicap อยู่ 10% แต่ถ้าจะให้ดีก็ลดให้เต็มเท่ากับคู่แข่งเราคือ 20%