เกษียณอย่างเกษม
ปี 2567 นี้ สัดส่วนของผู้สูงวัยในประเทศไทย จะเพิ่มขึ้นเป็น 20.91% และในปี พ.ศ. 2580 สัดส่วนของผู้สูงวัยจะเพิ่มผ่านหลัก 30% ของประชากรทั้งประเทศ
ในเดือนตุลาคมนี้มีผู้เกษียณอายุงาน เข้าสู่ ”วัยอิสระ” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสังคมผู้สูงวัยอีกจำนวนหนึ่ง ยินดีต้อนรับมาสมทบกับประชากร 13.64 ล้านคน หรือ 19.5% ของประชากรในประเทศไทย ณ ปี 2565 ที่สำรวจโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2566 ค่ะ
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Statista ประมาณการณ์ว่าในปี 2567 นี้ สัดส่วนของผู้สูงวัยในประเทศไทย จะเพิ่มขึ้นเป็น 20.91% และในปี พ.ศ. 2580 สัดส่วนของผู้สูงวัยจะเพิ่มผ่านหลัก 30% ของประชากรทั้งประเทศ
ดังนั้น ธุรกิจและบริการ จึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อลูกค้ากลุ่มนี้ ตรงกันข้าม ควรต้องคำนึงถึงลูกค้ากลุ่มนี้ด้วยอย่างมาก เพราะนอกจากจะกลายเป็นประชากรที่มีสัดส่วนเกือบหนึ่งในสามในอนาคตแล้ว กลุ่มใหญ่ของประชากรสูงวัย ยังเป็นประชากรที่มีอำนาจซื้อสูงด้วย
สินค้าและบริการหลายๆอย่าง ลืมข้อนี้ไปอย่างน่าเสียดาย ดิฉันเคยเห็นคนวัยอิสระหยิบสินค้าที่สวยงามมาอ่านดูว่ามีสรรพคุณอย่างไร ใช้ทำอะไรได้บ้าง แต่ขนาดของตัวหนังสือบนฉลากก็ไม่เอื้อเอาเสียเลย หยิบแว่นตามาสวมแล้ว ก็ยังอ่านไม่ออก จึงทำให้ต้องวางสินค้าชิ้นนั้นลงอย่างน่าเสียดาย
สินค้าไม่ควรจะแกะใช้ยาก กรณีเป็นซองให้ฉีก ก็ควรมีรอยตัดนำทางเอาไว้ เพื่อให้ง่ายต่อการฉีก หรือฝาจุก บางครั้งฝาเกลียวที่ออกแบบไว้ แน่นจนหมุนไม่ออก ต้องใช้แรงมากในการหมุน สินค้าเหล่านั้นก็จะไม่ได้รับความนิยม
โรงแรมหรือรีสอร์ทที่พัก หรือร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ ควรเป็น Universal Design ค่ะ มีทางลาด หรือมีลิฟท์เพื่อให้รถเข็นวีลแชร์เข้าถึงได้ ดิฉันเห็นเยอะมากที่ออกแบบบันไดไว้สวย แต่ไม่มีราวเกาะ สำหรับผู้สูงวัยที่ยังไม่ใช้วีลแชร์ ถือว่าเป็นสถานที่อันตรายเชียวค่ะ ถ้าจะขึ้นหรือลงบันไดที่ไม่มีราวเกาะ
วัยอิสระยุคปัจจุบัน นิยมจัดกลุ่มไปเที่ยวกันเอง ส่วนใหญ่จะไปในสถานที่ที่มีคนในกลุ่มแนะนำหรือเคยไปมาแล้ว ถือเสมือนหนึ่งว่ามีคนคอยคัดกรองเพื่อจัดรายการเที่ยว สถานที่พัก ร้านอาหาร กิจกรรมต่างๆ ฯลฯ ดังนั้น หากธุรกิจสามารถสร้างความประทับใจให้กับคนวัยนี้ จะมีกลุ่มตามรอยอีกมากมาย
วัยนี้ชอบการประหยัด เพราะรู้ตัวว่ารายได้ลดลงไปเยอะ หรือบางคนก็อาจจะไม่มีรายได้ประจำอีก ดังนั้นจึงชอบส่วนลดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น บัตรโดยสารรถไฟ รถไฟฟ้า พิพิธภัณฑ์ (ของรัฐเข้าฟรี ดิฉันก็เพิ่งทราบเมื่อก่อนเกษียณหนึ่งปี) สำหรับธุรกิจเอกชน ก็จะมีการให้สิทธิพิเศษเป็นรายๆไป เช่น บางสายการบินก็มีส่วนลดให้กับผู้โดยสารที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป วัยอิสระจึงต้องสอบถามรายละเอียดก่อนใช้บริการนะคะ
ถามว่าบริษัททัวร์สามารถแทรกตัวเข้ามามีบทบาทหรือไม่ ดิฉันคิดว่ามีช่องว่างอยู่ค่ะ วัย 60-69 ปี อาจจะยังอยากจัดไปกันเอง แต่เมื่อสูงวัยกว่านั้น การใช้คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์จองบัตรโดยสาร ที่พัก และร้านอาหารเองจะทำได้ช้าลง มีความบกพร่องเพิ่มขึ้น เพราะสายตา ความเมื่อยล้า ความไม่คล่องตัว ฯลฯ ถ้าบริษัททัวร์จะเน้นกลุ่มนี้ ควรต้องมีการประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนถึงคุณภาพ ความปลอดภัย และความสะดวกของการให้บริการ
ผู้เกษียณควรเตรียมพร้อมด้านสุขภาพ ด้านการปรับปรุงที่อยู่อาศัย ที่ดิฉันเคยเขียนไปเมือหลายปีก่อน และที่สำคัญคือ อย่าลืมเตรียมพร้อมทางด้านการเงินนะคะ ความใฝ่ฝันที่จะทำอะไรหลายๆอย่างได้ตามที่อยากทำ ส่วนใหญ่ต้องอาศัยเงินค่ะ ของฟรีมีไม่มากนัก
เคยเขียนบทความไปเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วว่าเกษียณอย่างสบายพอสมควรต้องมีเงินประมาณ 10 ล้านบาท ณ วันเกษียณ หลังจากบทความลงตีพิมพ์ ดิฉันถูกผู้อ่านส่ง email เข้ามาต่อว่า บอกว่าดิฉันจะทำให้คนเสียกำลังใจ สมัยนั้นใครๆก็พูดถึงการมีเงินสัก 2 ล้านบาทก็สามารถเกษียณได้แล้ว
มาวันนี้ ผู้เกษียณที่มีเงิน 10 ล้านบาทก็ไม่ได้สามารถใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย หรือสุขสบายมากนัก เพราะข้าวของแพงขึ้น และที่สำคัญคือ ค่ารักษาพยาบาลแพงมาก ค่าจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลในยามที่เราช่วยตัวเองให้ทำกิจวัตรประจำวันไม่ถนัด ก็แพงเช่นกัน เพราะฉะนั้น ทุกท่านต้องดูแลสุขภาพให้ดี ประหยัดค่ารักษาพยาบาลได้ สามารถนำไปเที่ยวได้หลายทริปค่ะ
มีอย่างหนึ่งที่อยากแนะนำในฐานะรุ่นพี่ คือ การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องค่ะ หลายท่านที่ในสมัยที่ทำงานเต็มเวลา ไม่มีเวลาอ่านเรื่องต่างๆมากนัก อาจจะถือโอกาสเรียนไล่ตามเพื่อนๆ ที่ดิฉันอยากลุ้นให้เรียนและฝึกฝนมากคือ เรื่องดิจิทัล ให้ใช้แอพธนาคารทางมือถือได้ ให้สามารถค้นหาข้อมูลออนไลน์ได้ เพื่อให้ท่านสามารถตรวจสอบได้ว่า เรื่องต่างๆ แปลกๆที่มีคนมานำเสนอให้ลงทุน ให้ซื้อ ให้ฝาก ให้บริจาค นั้น เป็นเรื่องจริง เป็นของแท้ หรือเป็นเรื่องเท็จ เรื่องหลอกลวง
เทคนิคง่ายๆคือ หากดูดีเกินไป ให้เอะใจไว้ก่อนว่า เป็นของไม่จริง แล้วหาทางตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ อย่าหลงกลรีบร้อนตัดสินใจ เพียงเพราะเขาบอกว่า “วันนี้วันสุดท้าย” “หมดแล้วหมดเลย” “โอกาสครั้งเดียวในรอบสิบปี” ฯลฯ
เตือนตัวเองไว้ค่ะ ว่าเงินเราหามาด้วยความยากลำบาก อย่าเสียมันไปง่ายๆ และ “เสียดาย (ที่ไม่ได้ทำ) ดีกว่า เสียใจ (ที่ทำไปแล้วรู้ว่าถูกหลอกลวง)” ดังนั้นจึงต้องใจแข็งค่ะ
เงินออมและเงินลงทุนของท่านที่มี ควรต้องปรับนโยบายของพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงลง เนื่องจากท่านจะมีรายได้ประจำน้อยลง หรืออาจจะไม่มีเลย ดังนั้นท่านต้องกันเงินสำรองใช้จ่ายไว้ประมาณ 10-12 เดือน ที่เหลือจึงนำไปจัดพอร์ตลงทุนระยะปานกลาง พอร์ตที่เหมาะสม ก็ยังคงเป็นพอร์ตแบบผสมผสาน โดยทั่วไป ควรจะมีการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้นทุน ไม่เกิน 20% ที่เหลือเป็นหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงลดลง เช่น พันธบัตรและเงินฝากระยะยาว 35-45% หุ้นกู้ ประมาณ 15-20% อสังหาริมทรัพย์ 5-10% ลงทุนตราสารที่มีสภาพคล่องสูง เช่น กองทุนรวมตลาดเงิน 15-20% ผลตอบแทนที่คาดหวังน่าจะประมาณ 4.0-4.5% ต่อปีค่ะ
หากเป็นไปได้ ยังอยากแนะนำให้ทำงานอยู่นะคะ จะช่วยลดภาระทางการเงินได้สำหรับท่านที่เงินออมยังมีจำนวนไม่มาก และสำหรับท่านที่มั่นคงแล้วอาจทำงานที่อยากทำ จะเป็นที่ปรึกษา เป็นโค้ช เป็นครู เป็นกรรมการตัดสิน หรือเป็นกรรมการขององค์กร ทำงานอาสาสมัคร นอกจากจะทำให้ไม่แก่แล้ว ยังได้กุศล ได้ใช้ความรู้และประสบการณ์ของเราให้เป็นประโยชน์อีกด้วย
ขอให้ทุกท่านเกษียณอย่างเกษม มีความสุขกับชีวิตเกษียณของท่านค่ะ