ดีเบต 3 นักลงทุน ‘เงินสด-หุ้น-อสังหาฯ’ ลงทุนแบบไหน ในวันที่โลกเปลี่ยนเร็ว

ดีเบต 3 นักลงทุน ‘เงินสด-หุ้น-อสังหาฯ’ ลงทุนแบบไหน ในวันที่โลกเปลี่ยนเร็ว

สรุป ดีเบต 3 นักลงทุน ‘เงินสด-หุ้น-อสังหาฯ’ จาก 'ดร.โสภณ' กับ 'ดิว วีรวัฒน์' และ 'ซีเค เจิง' ในงาน Bitkub Summit 2024  ลงทุนแบบไหนในวันที่โลกเปลี่ยนเร็ว

“บิทคับ” จัดงาน Bitkub Summit 2024 เมื่อ 19 ต.ค. 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อหวังเป็นการ "ยกระดับ" การลงทุนและเทคโนโลยีทางการเงินของประเทศไทย ซึ่งหนึ่งในเวทีที่นักลงทุนจับตามองคือ เสวนาในหัวข้อ "Cash vs Stock vs Real Estate Investment” ที่พูดถึงการลงทุนในยุคใหม่

ดีเบต 3 นักลงทุน ‘เงินสด-หุ้น-อสังหาฯ’ ลงทุนแบบไหน ในวันที่โลกเปลี่ยนเร็ว

วันนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” สรุปมุมมองของ 2 นักลงทุนต่างมุมมองและต่างวัย จาก วีรวัฒน์ วลัยเสถียร นักลงทุนรุ่นใหม่ วัย 46 ปี และดร.โสภณ พรโชคชัย วัย 66 ปี ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย พร้อมกับ ซีเค เจิง ผู้บริหารจากแพลตฟอร์มฟาสต์เวิร์ค

‘อีซี่มันนี่’ เสียมากกว่าได้

เริ่มต้นด้วย “โสภณ” ได้เปิดด้วยมุมมองการลงทุนของนักลงทุนรุ่นใหม่ที่สนใจ “อีซี่มันนี่” การลงทุนที่ผลตอบแทนสูงและความเสี่ยงสูงแบบ “High Risk High Return” จะทำให้เราเสียมากกว่าได้ แต่คนส่วนใหญ่จะยอมเสี่ยงอย่างเช่นการลงทุนใน “บิตคอยน์” ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะเป็นคนวัยหนุ่มสาวที่ยังไม่รู้สึกศูนย์เสีย

ดีเบต 3 นักลงทุน ‘เงินสด-หุ้น-อสังหาฯ’ ลงทุนแบบไหน ในวันที่โลกเปลี่ยนเร็ว จากผลสำรวจผู้ลงทุนบิตคอยน์ พบว่า 10% รู้สึกว่าประสบความสำเร็จ 20% รู้สึกว่าคุ้มทุน แต่ส่วนใหญ่ถึง 70% กลับรู้สึกว่าขาดทุน ซึ่งอาจสะท้อนถึงความผิดหวังและความจำเป็นในการทบทวนกลยุทธ์การลงทุน และจะดีกว่าหรือไม่หากนักลงทุนรุ่นใหม่เอาเวลาจากการดูกราฟหุ้นหรือสินทรัพย์ดิจิทัลทุกชั่วโมงทุกนาทีไปเริ่มต้นเป็นผู้ประกอบการ

รวมถึงการลงทุนใน “อสังหาริมทรัพย์” ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่หลากหลาย ทั้งจากค่าเช่าและการเพิ่มขึ้นของมูลค่าทรัพย์สินตามกาลเวลา

แต่สำหรับผู้เริ่มต้น อาจรู้สึกว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้นต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ซึ่งหลายคนบอกว่าไม่มีทุนมากพอสำหรับการซื้อบ้านหนึ่งหลังที่ราคาหลายล้านบาทนั้น ควรเริ่มต้นที่การศึกษาตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อดูว่ามีทรัพย์สินประเภทไหนน่าสนใจบ้าง หรือลองศึกษาเส้นทางการเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ยังสามารถลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (REIT) หรือโทเคนดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ก็ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ การลงทุนและสร้างแบรนด์ให้กับอพาร์ตเมนต์นั้นเปรียบเสมือนการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สามารถขยายธุรกิจไปยังทำเลต่างๆ  และการมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งยังช่วยให้เราสามารถขายธุรกิจได้ในราคาที่สูงขึ้นในอนาคตอีกด้วย เพราะเราไม่ได้ขายเพียงแค่ทรัพย์สิน แต่ยังขายแบรนด์และชื่อเสียงที่สร้างมาด้วย ดังนั้นการสร้างแบรนด์อพาร์ตเมนต์จึงเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า หรือที่เรียกว่า “ได้กำไรจากการลงทุน”

“แต่ถ้าเรามานั่งเล่นหุ้นหรือว่าไปเล่นคริปโทเนี่ย บางทีเราอาจจะอยู่ในส่วนที่อาจจะค่อนข้างจะซีเรียส แต่ก็แล้วแต่ชอบนะครับ”

ดีเบต 3 นักลงทุน ‘เงินสด-หุ้น-อสังหาฯ’ ลงทุนแบบไหน ในวันที่โลกเปลี่ยนเร็ว

ลงทุนในแบบที่ตัวเองถนัด

ส่วน “วีรวัฒน์” ในฐานะนักลงทุนรุ่นใหม่มองว่าต้องเริ่มลงทุนกับสิ่งที่ตัวเองถนัด ซึ่งมีจุดยืนแบบ “พ่อค้า” ที่มองโอกาสตลอดเวลาว่าอะไรเป็นโอกาสก็พร้อมจะเข้าไปในจุดนั้น ไม่ว่าจะเป็น คริปโท หุ้น หรือแม้แต่อสังหาฯ สลับกันไป แต่มีมุมมองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นมีข้อมูลเช่นผลประกอบการหฟรืองบกำไรขาดทุนที่สามารถประกอบการตัดสินใจลงทุนได้

วีรวัฒน์ มองว่าการลงทุนในอสังหาฯ สำหรับคนรุ่นใหม่ อาจจะต้องคิดเรื่อง “ดอกเบี้ยบ้าน” ที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น การลงทุนในอสังหาฯต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมในเรื่องการทำงานและเงินในกระเป๋า

“ในอดีต ผมเคยลองลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งก็ได้กำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง แต่การลงทุนคริปโทต่างจากหุ้นก็คือ หุ้นพอวิเคราะห์พื้นฐานของบริษัทได้ แต่คริปโทบางครั้งมันขึ้นลงเร็วมาก จับทางยาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าถ้าจังหวะดี ก็สามารถสร้างกำไรได้มหาศาลในเวลาอันสั้น จากคนทีมีเงินน้อยกลายเป็นมีเงินเยอะได้”

ส่วนความคิดที่ว่า “คนรวยไม่ถือเงินสด” เพราะเงินสดที่ไม่ได้ถูกนำไปลงทุนนั้นจะเสื่อมค่าลงตามอัตราเงินเฟ้อ การปล่อยให้เงินอยู่ในเซฟหรือบัญชีธนาคารจึงไม่ใช่การใช้เงินอย่างชาญฉลาด แต่คนรวยถือเงินสดเพื่อรอโอกาสในการเอาเงินไปลงทุน เช่น หุ้นตัวนี้ลงจะได้มีเงินสดไปซื้อ ไปซื้อกิจการที่กำลังจะเจ๊งขาดสภาพคล่อง เพื่อให้เงินทำหน้าที่เพิ่มผลตอบแทน

 วีรวัฒน์ เล่าว่ามีเงิน 30 ล้านบาทแรกในชีวิตในอายุ 24 จากการทำธุรกิจและเริ่มต้นการลงทุนด้วยอสังหาฯ อย่างอพาร์ตเมนท์มีรายได้ทั้งจากการทำธุรกิจและเก็บค่าเช่าเดือนละ 250,000 บาท แต่ว่ามีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการ ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นเข้าไปศึกษาหุ้นปันผลที่ ด้วยจุดแข็งของตัวเองที่กระแส “เงินสด” ไหลเข้าตลอดเวลา

'หุ้น' ผู้ชนะการลงทุน

ซีเค เจิง ชวนมองย้อนกลับไปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผู้ชนะในการลงทุนระหว่างหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่นับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง บิตคอยน์หรือสินทรัะพย์ดิจิทัลต่างๆ โดยดัชนีตลาดหุ้นเอสแอนด์พี 500 และดัชนีหุ้นแนสแด็ก โตขึ้นถึง 500% และ 800% ตามลำดับ ดังนั้นการลงทุนที่เห็นผลชัดเจนที่สุดคือ “หุ้น”

ส่วนอสังหาฯ ในอนาคตจะราคาลดลงเรื่อย ๆ ในอีก 50 ปี บ้านร้างจะเยอะมาก เพราะคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไลฟ์สไตล์เข้ามาอยู่ในเมืองมากขึ้นและไม่มีความคิดว่าจะอาศัยบ้านพ่อแม่ในแทบชาญเมืองที่เป็นมรดกตก แปลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ บ้านจะถูกเทขายในตลาด ทำให้ซัพพลายเพิ่มขึ้นและดีมานด์ลดลงด้วย และอาจจะขายไม่ได้ ซึ่งเป็นข้อเสียของอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ตลาดหุ้นมีสภาพคล่องและมีคนซื้อขายอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นการลงทุนที่ “อิสระ” ที่สามารถตัดสินใจซื้อหรือขายไดด้ตลอดเวลา

"ไม่อยากให้พลาดโอกาสในยุคนี้ อยากแนะนำให้ทุกคนลงทุนกับหนี้ หนี้ของธนาคาร หนี้ของรัฐบาล เพราะผลตอบแทนตราสารหนี้สหรัฐที่ระดับ 4.7% ไม่ได้มีมาบ่อยๆ"

ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว วิธีการหรือรูปแบบในอดีตยังคงเป็นวิธีการที่ดีเช่นเดิม แต่ ณ วันนี้ คนรุ่นใหม่อาจจะมีวิธีใหม่ที่ดีกว่าและเร็วกว่า  อย่างไรก็ตามแต่ละบุคคลจะมีรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมแตกต่างกันไป