TRP หุ้น ‘ศัลยกรรม’ ตกแต่งใบหน้า ลุยขายไอพีโอปั้นธุรกิจขึ้นแท่น ‘โรงพยาบาล’
"เอสเตติก คอนเนค" จากธุรกิจ "คลินิก" จ่อขยับขึ้นแท่น "โรงพยาบาลศัลยกรรมความงามเฉพาะใบหน้า" ด้วย "จุดเด่น" อยู่ในอุตสาหกรรมเทรนด์โลก เล็งระดมทุนกลางเดือนต.ค. 66 หวังสร้างการเติบโตครั้งใหม่ !
เมื่อการทำ “ศัลยกรรมความงาม” ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังหรือต้องแอบทำกันอีกแล้ว !! ดังนั้น ทิศทางของอุตสาหกรรมศัลยกรรมความงานทั้งในไทยและต่างประเทศ จึงมีอัตราการเติบโต “โดดเด่น” และแนวโน้มยังเติบโตไปได้อีกระยะไกล... สะท้อนผ่านคนมีอายุยืนยาวมากขึ้น ส่งผลให้หันมาสนใจและดูแลตัวเองกันมากขึ้น ทั้งในเรื่องของ “ผิวพรรณและการศัลยกรรม”
สารพัด “ปัจจัยบวก” ดังกล่าว ส่งผลดีต่อหุ้นน้องใหม่ บริษัท เอสเตติก คอนเนค จำกัด (มหาชน) หรือ TRP ผู้ประกอบการคลินิกเวชกรรมภายใต้ชื่อ “ธีรพรคลินิก” ให้บริการศัลยกรรมความงามเฉพาะบนใบหน้าเท่านั้น ทั้งการผ่าตัดดึงหน้า (Face-Lock) การผ่าตัดตาสองชั้น การผ่าตัดเสริมจมูก และบำรุงผิวพรรณ ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ที่กำลังจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 90 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.71% ราคาหุ้นละ 14 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (Par) หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าเสนอขาย 1,260 ล้านบาท คาดจะเข้าซื้อขายวันแรก (เทรด) กลางเดือนต.ค. 2566
อย่างไรก็ตาม ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 21.12 เท่า นับเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง สอดคล้องกับสภาวะของตลาดในปัจจุบัน และ อัตราการเติบโตในอนาคต
ด้วย “จุดเด่น” ของหุ้น TRP เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับทิศทางเมกะเทรนด์ของโลก และ มีศักยภาพการเติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ
ณ ปัจจุบัน TRP ประกอบธุรกิจหลักสามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.การให้บริการหัตถการเกี่ยวกับผ่าตัดตามมาตรฐานทางการแพทย์ เช่น ศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า (Face-Lock) ผ่าตัดตา ผ่าตัดจมูก และส่วนอื่นๆ เช่น ดึงหน้าผาก คางเป็นต้น 2.การให้บริการให้ยาระงับความรู้สึกทางหลอดเลือดดำ ซึ่งจะอยู่ภายใต้การดูแลของวิสัญญีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในการผ่าตัดที่จำเป็นต้องได้รับยาระงับความรู้สึกหรือตามที่ผู้ใช้บริการแจ้งความประสงค์
และ 3.การให้บริการที่ไม่เกี่ยวกับการผ่าตัด ได้แก่ การให้บริการด้านผิวพรรณอื่นๆ เช่น การฉีดสารเติมเต็มริ้วรอยและปรับรูปหน้า (Filler) การฉีดสารต้านริ้วรอยและปรับรูปหน้า (Botox) การให้วิตามินทางน้ำเกลือ เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้หลักมาจากการให้บริการหัตถการเกี่ยวกับผ่าตัด โดยปี 2565 มีสัดส่วนกว่า 93.26% ซึ่งในจำนวนนี้แบ่งเป็น รายได้จากการศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้ามากเป็นอันดับหนึ่ง 63.39% รองลงมาเป็นรายได้จากการศัลยกรรมผ่าตัดตา 20.45%รวมทั้งรายได้จากศัลยกรรมผ่าตัดจมูก 5.22%นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการให้บริการให้ยาระงับความรู้สึก 4.29%ของรายได้จากการให้บริการ
“ผศ.นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเตติก คอนเนค จำกัด (มหาชน) หรือ TRP เล่าให้ฟังว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นครั้งนี้ ! เพื่อต้องการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน สะท้อนผ่านเงินระดมทุนหลัก ๆ จะใช้เพื่อ “ก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่” มูลค่า 450 ล้านบาท บนพื้นที่ 2 ไร่ 2 งานไม่ไกลจากที่เดิม พื้นที่ใช้สอย 9,918 ตารางเมตร ซึ่งจะมีห้องบริการหลังทำแผลเพิ่มเป็น 11 ห้อง ห้องให้คำปรึกษา 8 ห้อง และห้องผ่าตัดเพิ่มเท่าตัวเป็น 12 ห้อง คาดว่าจะสามารถรองรับการเติบโตได้อีกเป็นสิบปี ตามแผนจะสร้างเสร็จในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567
รวมทั้งการ “จัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์” มูลค่า 80 ล้านบาท , นำไป “ชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน” มูลค่า 95 ล้านบาท และใช้เป็น “เงินทุนหมุนเวียนในกิจการ” เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจการให้บริการศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้าที่เติบโตตามจำนวนผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
โดย TRP มีเป้าหมายจะก้าวสู่การเป็น “โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้าแบบครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย” เพื่อรองรับการให้บริการศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้าที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเทรนด์การดูแลสุขภาพ และความงาม รวมถึงการเข้าสู่สังคมสูงอายุ แต่ยังต้องการดูดี
ทั้งนี้ โรงพยาบาลแห่งใหม่ในทำเลใกล้เคียงกับคลินิกเดิม แต่จะสามารถรองรับลูกค้า “2 กลุ่ม” ทั้งลูกค้าไทยและต่างชาติ เนื่องจากคนไทยบางส่วนก็ยังไม่รู้จักชื่อเสียงความชำนาญของ “ธีรพรคลินิก” ดังนั้น โอกาสการขยายลูกค้าในประเทศไทยก็ยังมีอีกมาก ขณะเดียวกันในลูกค้าต่างชาติ มุ่งเน้นที่กลุ่มลูกค้า CLMV อยู่แล้ว โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา และสปป.ลาว ที่ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ในการทำศัลยกรรมความงามยังไม่พัฒนาเท่ากับไทย
สำหรับแผนธุรกิจ 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทยังคงโฟกัสรายได้จากบริการศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าเป็นหลัก เนื่องจากมองว่าศัลยกรรมความงามในไทยยังมีแนวโน้มเติบโตไปได้อีกไกล เพราะภาพที่ชัดเจนคือสังคมยอมรับการทำศัลยกรรมแล้ว ปัจจุบันใคร ๆ ก็ยินดีที่จะอวดเมื่อไปทำศัลยกรรมมา ทุกคนภูมิใจไม่ต้องแอบไปทำเหมือนในอดีต รวมถึงกระแสโลกโซเชียลมีเดียทำให้ทุกคนอยากดูดีเมื่อออกหน้ากล้อง จึงหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ทั้งเรื่องผิวพรรณและศัลยกรรม นอกจากนี้ การผ่าตัดดึงหน้า (Face-Lock) ก็ได้รับประโยชน์จากสังคมผู้สูงอายุด้วยเช่นกัน
ท้ายสุด หุ้น TRP วางเป้าหมายเป็นหนึ่งใน “หุ้นเติบโต” (Growth Stock) และ “หุ้นปันผล” (Stock Dividend) อีกทั้ง นักลงทุนยังมองเห็นถึงศักยภาพการเติบโตที่มีความแข็งแกร่งของบริษัทในอนาคตอีกด้วย