"AH-SAT"ดาวเด่นหุ้นยานยนต์ รับ"ยอดขาย-ส่งออก"พุ่งแรง
เศรษฐกิจไทยเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว สะท้อนจากตัวเลขเศรษฐกิจหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกที่ยังเป็พระเอกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ล่าสุดตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมมากกว่า 8.2 ล้านคนแล้ว ดังนั้นโอกาสที่ทั้งปีจะทะลุเป้า 10 ล้านคนไม่ใช่เรื่องยาก
การส่งออก ยังขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือนแรก พุ่งแรง 10.6% รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ขณะเดียวกันในหลายพื้นที่ของโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตขาดแคลนอาหาร จึงกลายเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการส่งออกอาหารไทย
อีกหนึ่งดัชนีที่สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ คือ ภาคยานยนต์หนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ โดยล่าสุดกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้มีการเปิดเผยภาพรวมตลาดยานยนต์ไทยในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ภาพรวมยังเติบโตต่อเนื่อง
โดยมี “ยอดการผลิตรถยนต์” ทั้งหมด 170,717 คัน เพิ่มขึ้น 10.83% YoY หลังปัญหาชิปขาดแคลนเริ่มคลี่คลาย แบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก 97,832 คัน และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 72,885 คัน ส่งผลให้ยอดการผลิตรวม 10 เดือน เพิ่มเป็น 1,534,754 คัน หรือ เพิ่มขึ้น 12.36% YoY และประเมินว่ากำลังการผลิตรวมทั้งปีจะทะลุเป้า 1.75 ล้านคัน กลับไปสู่เป้าหมายเดิมที่ 1.8 ล้านคัน
ส่วน “ยอดขายรถยนต์ในประเทศ” ได้รับอานิสงส์จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ โดยเดือน ต.ค. มียอดขายทั้งหมด 64,618 คัน เพิ่มขึ้น 0.24% YoY ขณะที่ 10 เดือนแรก ทำยอดขายไปได้แล้วทั้งหมด 698,305 คัน เพิ่มขึ้น 17.09%
ด้าน “การส่งออก” ก็สดใสเช่นกัน ในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ไทยสามารถส่งออกรถยนต์ได้ทั้งหมด 94,228 คัน เพิ่มขึ้น 15.51% YoY โดยตลาดที่เติบโตเด่นมีออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ส่วน 10 เดือนแรก ตัวเลขการส่งออกอยู่ที่ 800,672 คัน เพิ่มขึ้น 5.48% และมีมูลค่าการส่งออกรวม 497,282.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.40%
และตลาดที่มาแรงมากๆ คงหนี้ไม่พ้นยานยนต์ไฟฟ้า โดยยอดจดทะเบียนยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) เดือน ต.ค. อยู่ที่ 1,960 คัน เพิ่มขึ้น 288.89% ส่งผลให้ตัวเลขสะสม 10 เดือนแรกเพิ่มเป็น 15,258 คัน เพิ่มขึ้น 230.62% YoY ขณะที่ยอดจดทะเบียนรวมทั้งระบบอยู่ที่ 26,527 คัน
ตลาดรถยนต์ ที่กลับมาคึกคักย่อมส่งผลดีต่อผู้ประกอบการในตลาดหุ้นเช่นกัน โดย บล.หยวนต้า มองว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ได้ผ่านจุดที่แย่สุดไปแล้ว ผลประกอบการเริ่มพลิกฟื้นต่อเนื่อง หลังปัญหาขาดแคลนชิปเริ่มคลี่คลาย ขณะที่แนวโน้มต้นทุนเริ่มดีขึ้นหลังราคาวัตถุดิบเริ่มทรงตัว ขณะเดียวกันผู้ผลิตส่วนใหญ่มีการปรับราคากับลูกค้าแล้ว
ฝ่ายวิจัยเลือก AH เป็นหุ้น Top Pick คาดว่าผลประกอบการปี 2565 จะเติบโต Outperform กลุ่มยานยนต์ เนื่องจากได้ออเดอร์ใหญ่ที่เป็นโมเดล Global Market และธุรกิจ OEM ในประเทศถือเป็นช่วงเปลี่ยนโมเดลสำหรับรถกระบะใหม่ ขณะที่บริษัทลูกที่จีน มาเลเซีย และโปรตุเกส คาดพลิกฟื้นเด่นในปีนี้
ด้านบล.ดาโอ ระบุว่า ยอดผลิตรถยนต์ที่ฟื้นตัวดีถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นที่มีรายได้จากธุรกิจยานยนต์ ได้แก่ EPG ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจยานยนต์ 45-50% และ JWD ที่มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจยานยนต์ราว 10-15% ส่วนยอดส่งออกรถยนต์ที่ฟื้นตัวโดดเด่น มองเป็นบวกต่อ NYT ซึ่งทำธุรกิจท่าเรือส่งออกและนำเข้ารถยนต์
ทั้งนี้ ยังคงให้น้ำหนักกลุ่มยานยนต์ “เท่ากับตลาด” โดยราคาหุ้นกลุ่มยานยนต์ปรับตัวขึ้น Outperform ดัชนี SET Index +4% และ+10% ในช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมา จากยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.ค.-ต.ค. 2565 ที่ฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่อง
โดยหุ้น Top Pick ได้แก่ SAT คาดกำไรไตรมาส 4 ปี 2565 จะเติบโตเด่น YoY จากฐานต่ำในปีก่อน หลังมีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างกิจการ ส่วนปี 2566 คาดกำไรจะดีขึ้นเป็น 1.05 พันล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น10% YoY จากยอดผลิตรถยนต์ที่ยังเติบโต รวมทั้งจะมีคำสั่งซื้อใหม่เข้ามาเพิ่มอีก 200-300 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นจากสต็อกวัตถุดิบเหล็กที่ลดลง รวมทั้งมีการปรับขึ้นราคาขาย