บล.กสิกรไทย มองกนง. ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% หนุนหุ้นแบงก์ใหญ่ BBL-SCB
บล.กสิกรไทย ระบุยังคงมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องไปจนถึงครึ่งปีแรกปี 66 หลังแนวโน้มเศรษฐกิจไทยและกำไรบริษัทจดทะเบียนยังแข็งแกร่ง แนะติดตามการประชุมกนง. 30 พ.ย. คาดขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% บวกต่อหุ้นแบงก์ขนาดใหญ่ BBL, SCB
บล.กสิกรไทย ระบุว่า ยังคงมุมมองบวกต่อ SET Index ต่อเนื่องไปจนถึงในช่วงครึ่งปีแรกปี 2566 ประเมินว่าดัชนีจะแกว่งตัวขึ้นไปจนถึงก่อนการประชุม Fed ช่วงกลางเดือน ธ.ค. ประเมินแนวต้าน 1,666 จุด และ 1,700 จุดในช่วงที่เหลือของปี
และหากดัชนีย่อลงมามองเหมือนเดิมคือ คาดไม่ทำ New low หรือไม่หลุด 1,550 จุด ประเมินแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,605 จุดเป็นแนวรับแรก โดยเหตุผลทั้งทางปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยและกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ยังเห็นการเติบโต
ขณะที่สัปดาห์หน้าต้องรอติดตามการประชุม กนง. ในวันที่ 30 พ.ย. โดย KBANK คาดดอกเบี้ยนโยบายสิ้นปี 65 จะอยู่ที่ 1.25% และสิ้นปี 66 คาดดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.75-2% โดยอาจจะเห็น Sentiment บวกจากหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ อาทิ BBL, SCB ฯลฯ ที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขึ้น ส่วนหุ้น Top pick กลุ่มธนาคารเราแนะนำ KTB และ TTB
ขณะเดียวกันประเมินแนวโน้ม Dollar จะอ่อนค่าต่อทั้งจากเงินเฟ้อสหรัฐผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และ Fed Minutes ล่าสุดโทนออกมาในทางผ่อนคลาย เรามองบวกต่อสินทรัพย์ที่มี Correlation สวนทางกับ Dollar อาทิ ทองคำ เช่นเดียวกับค่าเงินบาท Trend แข็งค่าๆตาม Dollar ,เศรษฐกิจไทยที่เห็นสัญญาณฟื้นตัวจากภาคท่องเที่ยว ฯลฯ
ยังมองบวกต่อทิศทาง Fund Flow และหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ ห้องค้ากสิกรไทย คาดการณ์ค่าเงินบาทสิ้นปี 65-66 ลงมาอยู่ที่ 35.25 บาท และ 33.5 -34.0 บาท/ดอลลาร์ ตามลำดับ เงินบาทที่แนวโน้มแข็งค่าบวกกับกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีหนี้ USD เยอะ ได้แก่ EGCO, BGRIM เป็นต้น แต่จะลบกับกลุ่มส่งออก
หุ้นกลุ่มที่แนะนำลงทุน
- กลุ่ม Domestic Play อาทิ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น CK
- กลุ่มสื่อ อาทิ PLANB
- กลุ่มที่ Outlook กำไรงวด 4Q65 โต YoY และ QoQ และปีหน้าโตเกิน 15% อาทิ SNNP, PTG, CRC, PLANB, EGCO, GPSC, HENG และ BE8
และชะลอลงทุน อาทิ กลุ่มส่งออกอาหาร ยกเว้นส่งออกอาหารสัตว์, กลุ่มปิโตรเคมี
Top pick
- PYLON (ราคาพื้นฐาน 5.52 บาท)
ผู้บริหารเปิดเผยงานในมือสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1.59 พันล้านบาทในงวด 4Q65 สูงกว่าประมาณการของเรา 50% ฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการกำไรหลักปี 65-66 ขึ้น +12%/+30%/-7% และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสิ้นปี 66 ขึ้น 21.05% เป็น 5.52 บาท โดยปรับเพิ่มคำแนะนำ Outperform โดยราคาหุ้นที่ฟื้นตัวช้ากว่าโมเมนตัมการฟื้นตัวของกำไร
- RBF (ราคาพื้นฐาน 12.30 บาท)
แนวโน้มงวด 4Q65 จะดีขึ้น QoQ และ YoY โดยได้แรงหนุนจากราคาข้าวสาลีที่กลับมาเป็นปกติ ยอดขายระดับสูงในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว และระดับนักท่องเที่ยวในปัจจุบันที่ประมาณ 5 หมื่นคนต่อวัน ซึ่งคาดจะช่วยกระตุ้นการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มในประเทศ RBF เชื่อว่า GPM ได้ถึงจุดต่ำสุดในแล้วในงวด 3Q65
โดยราคาหุ้นลดลง 45.8% YTD เทียบกับ SET ที่ลดลง 1.2% และปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปี 65/66/67 ที่ 48.7 เท่า/37.9 เท่า/32.5 เท่า
- BGRIM (ราคาพื้นฐาน 61.25 บาท)
ราคา Gas pool price แนวโน้มแกว่งตัวลง และหนุนจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ล่าสุดบาทลงมาใกล้แตะ 36 บาทอีกครั้ง โดยเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทุกๆ 1 บาท/ดอลลาร์คาดจะเพิ่ม upside เชิงบวกต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ของ BGRIM ที่ 9.9%
ส่วนเรื่องค่า Ft รอการเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนช่วง 14-27 พ.ย. เรายังคงมุมมองว่าจะเห็นการปรับขึ้น หากปรับขึ้นจะบวกต่อ BGRIM เนื่องจาก rate ปัจจุบันยังไม่สะท้อนราคา Gas ซึ่งจะทำให้ BGRIM กำไรฟื้นตัวเร็วขึ้น