เฟทโก้ ขี้กลุ่มท่องเที่ยวเด่น รับต่างชาติเข้าไทยพุ่ง
"เฟทโก้-ททท." ชี้ปี 66 ภาคท่องเที่ยวจะเป็นเครื่องยนต์พาประเทศไทยพ้นวิกฤติเศรษฐกิจโลกถดถอย “ผู้ว่าการททท.” ลั่นยังรอคนจีน แต่ไม่นิ่งคอย เดินหน้าลุยตลาดกลุ่มใหม่ “อินเดีย-รัสเซีย-ซาอุุดีอาระเบีย” เพื่อบรรลุเป้าหมายนักท่องเที่ยวปีหน้า 20 ล้านคน รายได้ 2.38 ล้านล้าน
ในวิกฤติโควิด-19 ภาคท่องเที่ยวถือว่าได้รับผลกระทบหนักสุด สะท้อนจากปี 2562 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามากว่า 40 ล้านคน แต่ในปี 2564 พบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวเหลือเพียง 3 แสนคน ทว่าปัจจุบันการท่องเที่ยวกำลังเฉิดฉายและเป็นเครื่องยนต์เพียงตัวเดียวที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) จัดโครงการตลาดทุนพบภาครัฐ ครั้งที่ 1 ททท.พบนักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบัน ในหัวข้อเสวนา “นโยบายพลิกโฉมท่องเที่ยวไทยต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ Post-Pandemic” โดยมี นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ FETCO เป็นผู้ให้ข้อมูล
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา ททท. บรรลุเป้าหมายมีจำนวนนักท่องเที่ยว 10 ล้านคน และตัวเลขล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 65 มีนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 10.3 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นนักท่องเที่ยวเข้าไทยเฉลี่ยวันละ 60,000-70,000 คนต่อวัน ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักยังเป็นประเทศมาเลเซีย ,อินเดีย สปป.ลาว , กัมพูชา , สิงคโปร์ แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มนักท่องเที่ยวรัสเซีย เนื่องจากมีไฟล์บินตรงมาไทย
ดังนั้น คาดว่าในปี 2565 ไทยจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 11.5 ล้านคน ส่วนปี 2566 รัฐบาลตั้งเป้ารายได้จากท่องเที่ยวกว่า 80% ของรายได้ปี 2562 ที่ทำได้ 3 ล้านล้านบาท (ตลาดในและต่างประเทศ) นั้นหมายความว่าปีหน้ารายได้จากท่องเที่ยวจะต้องอยู่ที่ 2.38 ล้านล้านบาท และมีจำนวนนักท่องเที่ยว 20 ล้านคน แต่ภายใต้เงื่อนไขสำคัญคือหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ไม่อยากให้การท่องเที่ยวของไทยกลับไปเป็นรูปแบบเดิม ๆ แต่ขอเน้นจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพ ไม่ต้องจำนวนมากเท่าเดิมแต่ขอรายได้ 80% คือเป้าหมายของรัฐ
“อย่างไรก็ตาม ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยว-รายได้ ลองตีกราฟก็จะเห็นภาพการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยน่าจะเป็นลักษณะฟื้นตัวแบบ V และหากมองในมุมของนักท่องเที่ยวไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการฟื้นตัวเร็วที่สุดประเทศหนึ่ง”
ทั้งนี้ จากการประเมินล่าสุด จากการมีเหตุการณ์ประท้วงของคนในประเทศจีน ส่งผลให้มีการผ่อนคลายไม่ต้องกักตัว และคาดหวังลึกๆ ว่ามีโอกาสที่รัฐบาลจีนอนุญาตให้คนจีนออกนอกประเทศได้เร็วสุด และเทศกาลตรุษจีน หรือประมาณ 22 ม.ค. 2566 น่าจะเห็นสัญญาณบางอย่าง จากเดิมคาดว่าจีนจะให้นักท่องเที่ยวออกนอกประเทศได้ราวเดือนมี.ค. 2566
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนยังไม่มาเหมือนเดิม แต่ ททท. ไม่ได้นิ่งคอยยังหาตลาดฐานลูกค้าใหม่ เช่น ตลาดอินเดีย-รัสเซีย-ซาอุดีอาระเบีย ที่ปัจจุบันมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไทยสัดส่วนมากขึ้น
ทั้งนี้ ททท. อยากฝากให้ภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนภาคท่องเที่ยวใน 2 ประเด็น คือ 1. Ease of Traveling อย่าง การลดอุปสรรคเรื่องวีซ่า (ค่าธรรมเนียม) การสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวอยู่นานได้ เช่น การขยายเวลาการพำนัก , เพิ่มเวลาเที่ยวให้คนไทย (เพิ่มวันหยุดยาว) 2. Shape Supply หากต้องการนักท่องเที่ยวคุณภาพ ไทยต้องมีสิ่งที่เป็น Valve ให้เขา เช่น Green การท่องเที่ยวที่ไม่กระทบสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ FETCO เปิดเผยว่า ในปี 2566 การท่องเที่ยวคือความหวังของไทย ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจโลกถดถอย แต่เชื่อว่าท่องเที่ยวจะนำพาให้ไทยพ้นกับวิกฤติในครั้งนี้ไปได้ระดับหนึ่ง ซึ่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวคิดเป็นจีดีพีไทยประมาณ 15-17% และจากการสำรวจของเฟทโก้จะพบว่านักวิเคราะห์หรือนักลงทุนจะสนใจลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นน้อยสุด และในปัจจุบันเป็นกลุ่มที่คึกคักสุด มีความหวังมากสุด
“ผมจะบอกเสมอว่าภาคท่อเที่ยวไทยเหมือนมีสปิงติดตัว เพราะว่าทุกครั้งที่เราเกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ไข้หวัดนก สึนามิ ไข้หวัดซาร์ส ทุกครั้งนักท่องเที่ยวจะหายไป แต่ไม่เกิน 3 เดือนการท่องเที่ยวก็จะกลับมาเป็นปกติประหนึ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน”