GULF ตั้งเป้ารายได้ปี 66 โต 30% ตั้งงบ 3-4 หมื่นล้าน รองรับการลงทุนใหม่
"กัลฟ์" ตั้งเป้ารายได้ปี 66 โต 30% เหตุรับรู้รายได้เต็มปีจาก "โรงไฟฟ้าจีเอสอาร์ซี 2.65 พันเมกะวัตต์ - โรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐ" พร้อมเตรียมซีโอดีโรงไฟฟ้าจีพีดีอีก 2 หน่วยกำลังผลิตรวม 1.32 พันเมกะวัตต์ หนุนกำไรโตโดเด่น ตั้งงบลงทุน 3-4 หมื่นล้าน รองรับลงทุนใหม่
ในปี 2565 บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF โชว์ผลดำเนินงานที่โดดเด่น เพียงแค่ 9 เดือน รายได้รวมทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (นิวไฮ) ที่ 67,470.34 ล้านบาท จากปี 2564 มีรายได้รวม 49,983.74 ล้านบาท
โดยรายได้ที่เติบโตเป็นผลจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 2,หน่วยที่ 3 และล่าสุด 3 ต.ค. ได้ COD หน่วยที่ 4 ทำให้ปีหน้าจะรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้า GSRC จำนวน 2,650 เมกะวัตต์ หนุนผลดำเนินงานให้เติบโต
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้รวมปี 2566 เพิ่มขึ้น 30% จากปีนี้ที่คาดเติบโต 80% จากปี 2564 ที่มีรายได้รวม 49,983.74 ล้านบาท และคาดว่ากำไรก็จะเติบโตโดดเด่น เนื่องจาก รับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้า GSRC เต็มปีกำลังผลิต 2,650 เมกะวัตต์ จากที่ CODหน่วยที่ 4 เมื่อวันที่ 1ต.ค. 2564 และรับรู้รายได้เต็มปีอีก 2 บริษัท คือ บริษัท กัลฟ์ กันกุล คอร์เปอเรชั่น จำกัด ที่ถือหุ้นสัดส่วน 50% และบริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จำกัด (TTT) ในสัดส่วน 28.57%
นอกจากนี้โครงการโรงไฟฟ้า GPD จะ COD จำนวน 2 หน่วย กำลังผลิตรวม 1,325 เมกะวัตต์ และคาดจะเริ่มรับรู้รายได้เต็มปี จากโครงการโรงไฟฟ้า Jackson Generation ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 1,200 เมกะวัตต์ ที่ประเทศสหรัฐ ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม
ทั้งนี้บริษัทตั้งงบลงทุนในปี2566 ราว 30,000-40,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานลม,พลังงานแสงอาทิตย์ และก๊าซธรรมชาติ ฯลฯ ซึ่งขณะนี้รอผลการประมูลอีกหลายโครงการในช่วงเดือนมี.ค. ปีหน้า และยังมองหาโอกาสการลงทุนเพิ่มโครงการที่สหรัฐและยุโรป
นางสาวยุพาพิน กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ 2 โครงการเขื่อนใน สปป.ลาว คือ โครงการปากแบงและปากลาย กำลังการผลิต 900 เมกะวัตต์ และ 700 เมกะวัตต์ คาดว่า จะมีความชัดเจนในช่วงต้นปีหน้า
ส่วนบริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด (Gulf Binance ) นั้นได้ยื่นขอใบอนุญาต(ไลเซนส์)ในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) และนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล(Digital Asset Broker) กับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้วและปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติของก.ล.ต.
โดยบริษัทคาดว่า บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ น่าจะได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2566 พร้อมทั้งจะเริ่มดำเนินธุรกิจได้ทันที และคาดว่าจะคุ้มทุนและมีกำไรภายในไม่เกิน 3 ปี หรืออาจเร็วกว่านั้นภายใน 6 เดือน หรือ 2 ปีก็ได้ ขึ้นอยู่กับมูลค่าการซื้อขาย(วอลุ่ม)ที่เข้ามาเทรด
"ก้าวแรกของธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล มีแผนร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ กับทาง บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ที่ปัจจุบันเอไอเอสมีจำนวนผู้ใช้บริการกว่า 46 ล้านราย มาช่วยสนับสนุนให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้เร็วขึ้น รวมถึงมองหาพันธมิตรหลายใหม่ๆเพิ่มด้วย"