'กองทุน' ยังทิ้งหุ้นไทยหนัก ฟันธง Window Dressing ไม่เกิด
ตลาดหุ้นมีจากความผันผวนจากเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะเดียวกันกองทุน LTF เป็นอีกตัวแปรที่สำคัญ ซึ่งทำให้เม็ดเงินลงทุนในสถาบันการเงินไม่ไหลกลับเข้ามาเหมือนช่วงก่อนหน้า ฉะนั้นการทำ Window Dressing จึงเป็นความคาดหวังของตลาดหุ้นที่จะทำให้กลับมาคึกคักช่วงสิ้นปีนี้หรือไม่
ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา การซื้อขายของนักลงทุนสถาบันหรือ กองทุนภายในประเทศ อย่าง กองทุนรวม , LTF , RMF และ SSF ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยรวม 1.56 แสนล้านบาท
สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการขาดความมั่นใจในตลาดหุ้นที่เกิดจากความผันผวนในเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงในประเทศที่เข้ามารุมเร้าอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันกองทุน LTF ก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่สำคัญ ซึ่งทำให้เม็ดเงินลงทุนในสถาบันการเงินไม่ไหลกลับเข้ามาเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ ฉะนั้นแล้วการทำ Window Dressing จึงเป็นอีกความคาดหวังของตลาดหุ้นที่จะทำให้กลับมาคึกคักได้ในช่วงสิ้นปีนี้หรือไม่
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ความหวังที่จะเกิด Window Dressing มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศต่างเทขายออกมาจำนวนมากทำให้วอลุ่มน้อยลง ขณะที่กองทุน LTF เข้ามาไม่มากเหมือนแต่ก่อน จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นมีความเงียบเหงาลง
ส่วนกองทุน RMF และ SSF มีนักลงทุนทยอยเข้ามาลงทุนบ้าง แต่ 2 กองทุนดังกล่าวไม่ค่อยได้รับความนิยม เหมือนกองทุน LTF จึงทำให้ในช่วงปลายปีกองทุนประหยัดภาษีไม่ค่อยคึกคักมากนัก รวมถึงภาครัฐบาลไม่ค่อยเข้ามาสนับสนุนเรื่องของภาษีแล้ว ขณะเดียวกันในปีหน้ารัฐบาลยังมีนโยบายที่จะจัดเก็บภาษีหุ้นอีกด้วย อาจจะทำให้เซนติเม้นท์ในการลงทุนอึมครึมลงไปบ้าง
“กองทุนประหยัดภาษีที่มีอยู่ก็ยังไม่สามารถที่จะทำให้คึกคักได้เหมือนกองทุน LTF ขณะที่ กองทุน SSF นโยบายการลงทุนต้องถือยาว 10 ปี ก็ทำให้ไม่มีแรงจูงใจนักลงทุนที่จะเข้ามาซื้อ ส่วนกองทุน RMF อาจจะมีเข้ามาบ้าง แต่ก็ไม่เยอะเท่ากับปีก่อน ๆ
ด้านนายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ดาโอ กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาการลงทุนในสถาบันการเงินดูจะไม่ค่อยคึกคักเท่าช่วงก่อนหน้านี้ แม้ในขณะนี้ตลาดก็ยังเบาบาง ฉะนั้นการทำ Window Dressing ในช่วง 2 สัปดาห์ที่เหลือของปีนี้ที่คาดกาณณ์ว่าจะทำให้ตลาดกลับมาฟื้นได้ในช่วงสิ้นปีน่าจะไม่มี เพราะปัจจุบันการทำ Window Dressing ไม่ได้มีนัยสำคัญกับตลาดเหมือนในสมัยก่อน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันแม้นักลงทุนมีการเทขายหน่วยลงทุนออกมาค่อนข้างมาก บริษัทจึงเตรียมการปรับแผนการลงทุนในปีหน้าแทนการทำ Window Dressing เพราะ ณ ขณะนี้สถานการณ์ในปีหน้ามองว่า ยังคงมีความไม่แน่นอน จากความผันผวนสูงในต่างประเทศ ฉะนั้นในช่วงครึ่งปีแรก เน้นการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ พันธบัตร เป็นหลักก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงน้อย
ขณะที่นายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการส่วนกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ทหารไทยอีสท์สปริง ให้ข้อมูลเพิ่มว่า แม้ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นของสถาบันการเงินมีการเทขายออกมาค่อนข้างมาก และนักลงทุนต่างคาดหวังว่า ในช่วงสิ้นปีอาจจะมีการทำ Window Dressing เพื่อให้ตลาดกลับมีคึกคัก ซึ่ง ณ ปัจจุบันต้องยอมรับว่าการทำ Window Dressing แทบจะไม่ได้มีผลเหมือนในช่วงอดีต หรือที่เคยเห็นว่า ผู้จัดการกองทุนจะมีการไล่ซื้อหุ้นเพื่อเป็นการดันให้ตลาดหุ้นขึ้นมาก็ไม่มีภาพให้เห็นอีกเช่นกัน บริษัทจึงไม่มีความจำเป็นต้องทำ Window Dressing
“บริษัทมีการเตรียมเงินสดในกองทุนประมาณ 3 – 4% เพื่อสำรองไว้สำหรับนักลงทุนที่จะเข้ามาทำ Automatic Redemption หรือการขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในช่วงที่นักลงทุนต้องการใช้เงินสดในช่วงวันหยุดยาวแทน ฉะนั้นเงินสดที่มีก็จะไม่ได้นำไปทำ Window Dressing แล้ว”
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส (ASPS) ระบุว่า บรรยากาศการซื้อขายรวมในตลาดหุ้นช่วงที่เหลือของปี จากสถิติที่ผ่านมาพบว่าน่าจะซบเซา และ SET Index เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ โดยตลาดหุ้นยังขาดปัจจัยสนับสนุนจากภายนอก พร้อมกับความกังวล เศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรปที่มีโอกาสเกิดภาวะถดถอย มากขึ้น ขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทยมักจะมีมูลค่าซื้อขายเบาบางในช่วงท้ายปี ด้วยปัจจัยต่าง ๆ