มรสุมรุม ‘หุ้นเทสลา’ อนาคตยังสดใส แต่คู่แข่งใหม่อื้อ
เทสลา ผู้นำรายใหญ่ที่สุดในโลกอีวีคาร์สวนกระแสตลาด หลังโชว์ผลประกอบการไม่ค่อยสวย บวกกับราคาสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ผนวกกับข่าวการปรับลดกำลังการผลิตที่จีนลงชั่วคราว ส่งผลให้หุ้นเทสล่าปรับตัวลดลงอย่างหนัก โดยเฉพาะเมื่อวันอังคาร (27 ธ.ค.) ร่วงลงถึง 11%
แม้ว่าแนวโน้มตลาดรถยนต์ไฟฟ้าดูจะสดใส มีการเติบโตก้าวกระโดด เนื่องจากผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้น เพราะถือเป็นอีกหนึ่งกระแสของการรักษ์โลก แต่กระนั้น “เทสลา” ผู้นำรายใหญ่ที่สุดในโลก กลับสวนกระแสตลาด หลังโชว์ผลประกอบการออกมาไม่ค่อยสวยงาม บวกกับราคารถยนต์อีวีที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ผนวกกับกระแสข่าวการปรับลดกำลังการผลิตที่จีนลงชั่วคราว เหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนี้ส่งผลให้หุ้นเทสล่าในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลดลงอย่างหนัก โดยเฉพาะเมื่อวันอังคาร (27ธ.ค.) ที่ผ่านมาร่วงลงถึง 11%
กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และนักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ ‘กรุงเทพธุรกิจ’ ว่า หุ้นเทสลาถือว่าลงมาค่อนข้างแรง จากระดับราคาที่ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ระดับ 109 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือลงมาแล้วราว 72% เรียกได้ว่าแทบจะหาร 4 เท่าของราคาหุ้นในอดีต
การปรับลดลงมาจาก 2 – 3 เหตุผลด้วยกัน คือ ช่วงปีที่ผ่านมาเทสลาสามารถเพิ่มกำลังการผลิตที่ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนักลงทุนมองว่าผลดำเนินงานก็น่าจะดีขึ้นด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกัน ในช่วงนั้นเทสลาถือเป็นผู้นำในธุรกิจอีวีคาร์มีลักษณะของการผูกขาด หรือลักษณะของการกินรวบตลาดทางด้านรถยนต์อีวีคาร์ได้เกือบทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เทสลาทำได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว แต่ผู้ประกอบการรายเดิม ๆ หรือผู้ประกอบการจากประเทศจีน ก็มีความชำนาญด้านรถยนต์อีวีเหมือนกัน จึงทำให้มีการแข่งขันเข้าสู่ตลาดอีวีคาร์ค่อนข้างเยอะ และคู่แข่งก็สามารถพัฒนารถยนต์ได้ในราคาที่เหมาะสมสามารถแข่งขันได้ โดยเฉพาะรถยนต์ในจีน ทำให้เทสลาอาจจะต้องลดราคาลงเหมือนกัน พอลดราคาลงมาแล้ว ในเชิงผลประกอบการที่คาดว่าจะดีก็ไม่เป็นไปตามเป้า จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เทสลาต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้น
สำหรับ แนวโน้มราคาหุ้น อาจจะไม่ไปไหนไกล เพราะหากย้อนกลับไปช่วงปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นเทสลาที่ปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของธุรกิจ เทสลาถือว่ายังดูดีมีอนาคต หากดูมาร์เก็ตแคปแล้วเทสลาถือว่า เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดในโลกระดับหลายเท่า ซึ่งในส่วนนี้อาจจะทำให้เทสลาสามารถกินในส่วนแบ่งขนาดใหญ่ครึ่งหนึ่งคนเดียว หรือประมาณกว่า 70% ของตลาดรถยนต์อีวีคาร์ทั้งโลกก็จะสามารถที่จะทำกำไรได้อยู่
ทั้งนี้หากเทียบกับผู้ประกอบการยานยนต์รายเดิม นั่นแปลว่า หุ้นเทสลาอาจจจะเติบโตได้ และยังมีความสนใจอยู่ แต่ก็ยังต้องดูในเรื่องของการแข่งขันในอนาคตเนื่องจากผู้ประการรายเดิมหรือคู่แข่งสามารถทำราคาได้อย่างเหมาะสม ขณะที่เทสลาราคาในช่วงเวลาหนึ่งอาจจะมากเกินไป หรืออาจจะพรีเมียมเกินไปหากเทียบกับตลาดรถยนต์ทั้งโลก
วิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY ให้ข้อมูลเพิ่มว่า เทสลาในฐานะผู้นำด้านรถยนต์อีวีคาร์ปัจจุบันต้องประสบกับปัจจัยลบหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ อีลอน มัสก์ เข้าไปดูแลทวิตเตอร์ จึงไม่สามารถดูแลเทสลาได้อย่างเต็มที่
รวมถึงกรณีข่าวที่ อีลอน มัสก์ ขายหุ้นเทสลาเยอะมากเพื่อนำเงินไปซื้อทวิตเตอร์ ก็เป็นแรงกดดันที่เยอะมากเช่นกัน ผนวกกับกระแสข่าวเรื่องส่วนลดกับผู้บริโภครถยนต์ในสหรัฐฯ แปลว่า ช่วงที่ผ่านมาเทสลาขายไม่ออกหรือไม่ จึงต้องระบายสต๊อกออกมา และกระแสข่าวล่าสุดที่หยุดการผลิตชั่วคราวในประเทศจีนลง ทั้งหมดนี้จึงเป็นปัจจัยทำให้หุ้นเทสลาปรับลงมาค่อนข้างเยอะมากเป็นระยะเวลา 8 -9 วันที่ผ่านมา ถือว่าเป็นข่าวร้ายที่ถาโถมเข้ามาพร้อม ๆ กัน
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า หุ้นเทสลาปรับขึ้นมามากในช่วงระดับราคา 20 -30 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือว่า ปรับขึ้นมาหลายเท่า ช่วงเวลาลงก็ลงแรงจาก 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลงมาจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาที่ระดับราคา 109 ดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าเป็นการปรับลดลงจาก 1 ใน 4 ของราคาหุ้นเทสลา
อย่างไรก็ตาม แม้หุ้นเทสล่าจะต้องเผชิญกับปัญหาลบหลายด้าน แต่ปัจจัยฐานพื้นฐานยังคงดีอยู่ไม่ได้แย่ แต่เป็นเรื่องของเซนติเมนท์มากกว่าในข่าวร้ายที่มาพร้อม กัน และประกอบกับคนกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ดีมานด์ลดลง แต่การเติบโตก็ยังดีมีอนาคตในปีหน้า
โดยภาพรวมทิศทางของรถยนต์อีวีน่าจะดี แต่ปัจจัยกระทบเป็นเรื่องของเทสลาเอง และเซนติเมนท์นักลงทุนด้วยที่มองไม่ค่อยดีในช่วงนี้เท่านั้น
สำหรับการลงทุนหุ้นเทสลา พบว่า มีกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศที่เข้าไปลงทุนในเทสลา โดยพบว่า แต่ละกองทุนเข้าไปลงทุนไม่เกิน 10% หุ้นเทสลา ส่วนผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี ส่วนใหญ่แล้วยังติดลบอยู่ ซึ่งมีด้วยกัน 6 กองทุน