DELTA รับมง Iออฟเรคคอร์ด
ส่งท้ายปี 2565 ด้วย “หุ้นแห่งปี” ที่รีเทินร์กลับมา “เซอร์ไพรส์ ” แบบไม่มีใครมาแย่งตำแหน่งไปได้สำหรับ DELTA
ooo DELTA รับมง
ส่งท้ายปี 2565 ด้วย “หุ้นแห่งปี” ที่รีเทินร์กลับมา “เซอร์ไพรส์ ” แบบไม่มีใครมาแย่งตำแหน่งไปได้สำหรับ DELTA
ที่เดือนธ.ค.เพียงแค่เดือนเดียวราคาไต่ขึ้นไป 7.5% จากราคาหุ้น 672 บาท มาอยู่ที่ 722 บาท
ที่สำคัญมูลค่ามาร์เก็ตแคปเกือบได้แตะ 9 แสนล้านบาท ถ้าวัดจากอดีตที่เป็นหุ้นดาวเด่น ราคาหุ้น to the moon ทะลุ 800 บาท มาร์เก็ตแคป 9.4 แสนล้านบาท !!
วัดกันแล้วตัวเลขมาร์เก็ตแคปไม่ใกล้เกินถึงสำหรับรอบนี้ เพราะการเข้าทำเนียบ SET 50(อีกครั้ง) ... และนั้นหมายถึง “ราคาสู่ระดับ 800 บาท ได้อีกด้วย”
เทียบกันแล้วแบบตัวต่อตัวกับเบอร์ 1 ในตลาดหุ้นไทย PTT มาร์เก็ตแคป 9.3 แสนล้านบาท “เสียแชมป์” ไปให้ AOT แล้วหลังมาร์เก็ตแคปกระโดดไปถึง 1 ล้านล้านบาท
รอบนี้ต้องเตรียม “มอบมง” อันดับ 2 ให้ DELTA INDEX ซะแล้ว
๐๐๐
ตลอด ปี 2565 ตลาดหุ้นไทยเผชิญความผันผวนอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นอยู่ในกรอบไซด์เวย์ไปมาทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปี 2565 กลายเป็นติดลบ และหุ้นรายตัวกลับทำผลตอบแทนได้ดีมากกว่า
๐๐๐
เปรียบเทียบผลตอบแทน ดัชนี ณ 28 ธ.ค. 2565 ดัชนีปิดที่ 1,647.28 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.12 จุด เปลี่ยนแปลง 0.25% ทำดัชนีสูงสุด 1,649.12 จุด และดัชนีต่ำสุด 1,641.54 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 47,115.24 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ หรือมาร์เก็ตแคป 20.177 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น SET 20.177 ล้านล้านบาท และ MAI 5.27 แสนล้านบาท ด้วยอัตรากำไรต่อราคาหุ้น (P/E) ที่ 17.92 เท่า มีกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 91.90 บาท/หุ้น อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.54%
๐๐๐
สำหรับการซื้อขายแยกกลุ่มนักลงทุนถือว่าเป็นการ กลับมา "ซื้อสุทธิ" ของต่างชาติมากกว่า 1.5 แสนล้านบาทในรอบ 17 ปี มีการซื้อสุทธิมากที่สุดคือ ปี 2548 ที่ 1.18 แสนล้านบาท จากนั้นแม้จะมีการซื้อสุทธิสลับบางปีที่มีการขายสุทธิแต่มูลค่าซื้อสุทธิไม่เกิน 1 แสนล้านบาท
๐๐๐
ตั้งแต่ต้นปีจนถึง 28 ธ.ค.2565 นักลงทุน “ต่างชาติ” พลิกกลับมา “ซื้อสุทธิ” เพียงแค่ รายเดียวที่ 190,224.29 ล้านบาท สวนทางกับนักลงทุนกลุ่มอื่นที่ขายสุทธิมีกลุ่มนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 152,280.66 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ ขายสุทธิ 2,537.33 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 35,406.30 ล้านบาท
๐๐๐
สำหรับผลตอบแทนจากตลาดหุ้นปี 2565 (ณ 28 ธ.ค. 2565 ) ให้ผลตอบแทนติดลบ 0.87 % จากดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 2564 ดัชนีปิดที่ 1,657.62 จุด จากดัชนีปิดสูงสุดที่ 1,713.20 จุด (ก.พ.65) และปิดต่ำสุด 1,533.37 จุด (ก.ค.)
เทียบกับปี 2564 ผลตอบแทนจากตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ +14.36% จากดัชนีปิดสิ้นปี 1,657.62 จุด โดยมีดัชนีปิดสูงสุดที่ 1,657.62 จุด และดัชนีปิดต่ำสุดที่ 1,466.98 จุด และเทียบกับปิดสิ้นปี 2563 ที่ 1,449.35 จุด ผลตอบแทนอยู่ที่ ติดลบ 8.25%
โดยมีดัชนีปิดสูงสุดที่ 1,600.48 จุด และดัชนีปิดต่ำสุดที่ 1,024.46 จุด เทียบกับปิดสิ้นปี 2562 ที่ 1,579.84 จุด ผลตอบแทนอยู่ที่ เป็นบวก 1.02% โดยมีดัชนีปิดสูงสุดที่ 1,740.91 จุด และดัชนีปิดต่ำสุดที่ 1,548.65 จุด
๐๐๐
ส่วน ค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่ารุนแรงหลุด 37 บาทในรอบ 16 ปี และเกือบหลุดที่ 39 บาท และถ้าเทียบกับช่วงต้นปี ที่บาทอยู่ 32.00 เท่ากับอ่อนค่าลงมา 20.90 % ซึ่งปัจจุบันค่าเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่แถว 34.76 บาท จากการเปิดประเทศเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวถือว่าเป็นตัวนำเข้ารายได้เงินตราต่างประเทศ
๐๐๐
ท่ามกลางดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนติดลบ และดัชนีอยู่ในกรอบไซด์เวย์ หากแต่ในด้านการระดมทุนหรือ หุ้นไอพีโอ ปรากฏว่าเป็นปีที่จำนวนหุ้นไอพีโอฟื้น และตบเท้าเข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นอย่างคึกคัก
รวมแล้วตลอดทั้งปี มีทั้งหมด 24 หลักทรัพย์ แบ่งเป็นบริษัท 22 บริษัท และกองทุนอสังหาฯ หรือ REIT อีก 2 บริษัท มีมูลค่าการระดมทุนรวม 97,852.50 ล้านบาท มูลค่าการเสนอขายหลักทรัพย์ 127,835.82 ล้านบาท และมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอ อยู่ที่ 506,545.49 ล้านบาท
๐๐๐
สำหรับ หุ้นไอพีโอ ที่มีมูลค่าระดมทุน สูงสุดปี 2565 อันดับ 1 คือ ITC ที่ 19,200 ล้านบาท อันดับ 2 คือ BTG 17,392.00 ล้านบาท และอันดับ 3 คือ TLI 13,600 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม "หุ้นไอพีโอที่มีขนาดใหญ่" กลับไม่ประสบความสำเร็จด้านราคาเพราะยัง “ต่ำจอง” เช่น BTG ราคาไอพีโอ 40 บาท อยู่ที่ 36.25 บาท ต่ำจอง 9.38 % ,DTCENT ราคาไอพีโอ ที่ 2.86 บาท อยู่ที่ 2.48 บาท ต่ำจอง 13.29 % หรือ PCC ราคาไอพีโอ 4.00 บาท อยู่ที่ 3.42 บาท ราคาต่ำจอง 14.50 %
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์