ดาวโจนส์ทะยาน 368 จุด หนุนวอลล์สตรีทร้อนแรงเดือนม.ค.
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันอังคาร(31ม.ค.)พุ่งขึ้น 368 จุด ก่อนหน้าการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด และหนุนวอลล์สตรีทปิดตลาดอย่างร้อนแรงในเดือนม.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 368.95 จุด หรือ 1.09% ปิดที่ 34,086.04 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 เพิ่มขึ้น 58.83 จุด หรือ 1.46% ปิดที่ 4,076.60 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 190.74 จุด หรือ 1.67% ปิดที่ 11,584.55 จุด
ตลาดได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทแมคโดนัลด์ คอร์ป และเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ซึ่งเปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 4/2565 รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินรอบนี้
นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดในวันนี้ รวมทั้งถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะส่งสัญญาณทิศทางนโยบายการเงินของเฟดในปีนี้
นักวิเคราะห์ระบุว่าการปรับตัวอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ทิศทางที่สดใสในปีนี้ หลังจากทำสถิติทรุดตัวลงในปีที่แล้วหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ได้พุ่งขึ้น 1.72% นับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.และต้นปี 2566 ขณะที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ในรอบ 4 เดือน
ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 พุ่งขึ้น 4.64% นับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.และต้นปี 2566 และมีแนวโน้มทำสถิติเป็นเดือนม.ค.ที่ทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2562 และปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ในรอบ 4 เดือน
ขณะที่ดัชนีแนสแด็กพุ่งขึ้น 8.86% นับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.และต้นปี 2566 และมีแนวโน้มทำสถิติทะยานขึ้นมากที่สุดรายเดือนนับตั้งแต่เดือนก.ค.2565
นายไรอัน เดทริก นักวิเคราะห์จาก Carson Group กล่าวว่า การปรับตัวที่แข็งแกร่งในเดือนม.ค.ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาด และบ่งชี้ว่าตลาดจะดีดตัวขึ้นต่อไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
"สถิติบ่งชี้ว่า มีอยู่ถึง 5 ครั้งในอดีตที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 พุ่งขึ้นมากกว่า 5% ในเดือนม.ค. หลังจากที่ตลาดติดลบในปีก่อนหน้า ดัชนีก็ได้พุ่งขึ้นเฉลี่ยถึง 30% ในปีนั้น" นายเดทริกระบุ
ด้านนายอดัม พาร์คเกอร์ นักวิเคราะห์จาก Trivariate Research กล่าวเช่นกันว่า "สาเหตุที่ผมมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นในช่วงต้นปีเป็นเพราะที่ผ่านมานักลงทุนมองในแง่ลบมากเกินไป"